Chernobyl คือเหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืมเลือนได้ มันคือภัยพิบัติจากนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่มนุษย์เคยเผชิญและยังสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้…
แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเหตุการณ์โลกไม่ลืมเรื่องนี้จะถูกนำมาทำเป็นซีรีส์ หลายคนอาจจะยังจินตนาการไม่ออกว่าเรื่องจะถูกบอกเล่าในรูปแบบไหน จะเผยให้เราได้เห็นถึงเบื้องลึกเพียงใด และความรู้สึกตอนดูจะเป็นยังไง
ตอนนี้มันได้ถูกยกนำมาสร้างเป็นซีรีส์แล้วจริงๆ และได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจนถึงขั้นที่ว่าคะแนนในเว็บไซต์ IMDB พุ่งขึ้นไปถึง 9.6 คะแนน ในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จึงอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกันกับ
Chernobyl (2019) แบบฉบับ HBO
เกิดอะไรขึ้นกับ Chernobyl ในโลกของความเป็นจริง
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน (ขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งสหภาพโซเวียต)
วิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบเกิดล่าช้ากว่ากำหนด จนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน
แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ทางทีมวิศวกรพบว่าเกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และในที่สุดก็เกิดระเบิด
ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ
การบอกเล่าในซีรีส์
ซีรีส์เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 5 EP มีความยาวโดยรวมประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที แต่เชื่อหรือไม่ว่าตลอดระยะเวลาที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ คุณอาจจะแทบลืมหายใจไปเลยก็เป็นได้
Chernobyl 2019 จะพาคุณย้อนไปถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุนิวเคลียร์ในปี 1986 ซึ่งจะลำดับเหตุการณ์ให้เราได้ร่วมลุ้นระทึกไม่ว่าจะเป็นช่วงที่โรงไฟฟ้าเกิดระเบิด หรือผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องกับการระเบิดอย่าง การสัมผัสกับกัมมันตรังสี
การดำเนินเรื่องของซีรีส์ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงที่มีจุดหมายแต่แฝงไว้ด้วยเรื่องราวสนุกๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของโซเวียต การรับมือกับกัมมันตรังสี การสืบสวนหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ เรื่องการเมือง ความพยายามปกปิดความจริงของสายลับ ร่างกายของคนเมื่อถูกกัมมันตรังสีแทรกซึม
ซึ่งทั้งหมดจะแสดงเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับอุบัติเหตุ แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น จนแปรเปลี่ยนจากความระทึกกลายเป็นความสยองขวัญ…
แต่อีกสิ่งหนึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของ ‘ความรู้สึกขณะที่ดู’ ซีรีส์เรื่องนี้มันอาจเป็นการฉายภาพเหตุการณ์ที่บีบหัวใจ ทำให้รู้สึกเครียด หดหู่ สังเวช และรู้สึกจุกๆ หน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูก
ทว่าด้วยตัวซีรีส์ที่สร้างองค์ประกอบทุกฉากได้อย่างยอดเยี่ยม ก็ทำให้เราสามารถเข้าถึงความรู้สึก เข้าใจฟีลของตัวละครได้อย่างเต็มที่
ความรู้สึกเหล่านี้จึงผกผันกลายเป็นประสบการณ์ความบันเทิงได้อย่างแยบยล (ให้อารมณ์แบบสนุกกับความเครียดที่ตัวซีรีส์มอบให้)
เหตุผลว่าทำไมต้องดูซีรีส์เรื่องนี้
ถ้าหากคุณเป็นคอซีรีส์ตัวยงขอแนะนำว่าอย่าได้เลื่อนผ่านเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะคุณอาจพลาดกับยอดซีรีส์จนพาลมาเสียดายภายหลัง
เว็บไซต์ imdb เว็บไซต์สำหรับคนรักหนังยอดนิยม ให้คะแนนภาพรวมซีรีส์เรื่องนี้อยู่ที่ 9.6 คะแนน ซึ่งนับว่าเป็นคะแนนที่สูงเอามากๆ และนับว่ายากที่จะได้เห็นคะแนนขนาดนี้สำหรับหนังหรือซีรีส์สักเรื่องหนึ่ง
แต่เดี๋ยวก่อน!! ขอบอกว่าอีพีสุดท้ายได้คะแนนจาก imdb ถึง 9.9 คะแนนเลยนะ!! (สำหรับ #เหมียวจิวยี่ เพิ่งจะเคยเห็นคะแนนระดับนี้ก็เรื่องนี้แหละ)
นอกจากนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ unilad ยังบอกด้วยว่า Chernobyl ได้ทำลายสถิติมีคนดูบนสตรีมมิ่งอย่าง HBO Go, HBO Now แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Game Of Thrones ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เสียงตอบรับจากผู้ชม
เรื่องราวของ Chernobyl จากค่าย HBO ได้ผ่านสายตาของคอหนัง คอซีรีส์ รวมถึงนักวิจารณ์มาแล้วอย่างมากมาย และแทบจะทั้งหมดต่างก็ชื่นชมถึงความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้อย่างไม่ขาดสาย
อย่างเพจ Kanin The Movie ก็ให้คะแนนเรื่องนี้ถึง 9.5 คะแนน
เพจหนังจวยจวย บอกว่าสนุกถึงขีดสุดไม่อยากให้พลาด
อีกทั้งก็ยังมีเสียงจากชาวเน็ตอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
“EP5 ฉากอธิบายหลักวิทยาศาสตร์ การทำงานของเตา จากเลกาซอฟ คือที่สุด”
“โครตดี”
“ให้ 10 เต็ม 10 ไปเลยครับ”
ก็นับว่าเป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่ากับการสดับรับชมจริงๆ
แต่ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ลองเข้าไปชมด้วยตัวเอง ให้คุณเป็นผู้พิสูจน์ แล้วมาคุยกันกับ #เหมียวจิวยี่ นะครับ ว่าชอบหรือไม่ชอบเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด…
เรียบเรียงโดย: #เหมียวจิวยี่
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.