ดูเหมือนว่าในระยะหลังมานี้เราจะได้ดูหนังเกี่ยวกับอวกาศกันแบบปีต่อปีเลยนะ เริ่มตั้งแต่ Gravity(2013), Interstellar(2014) และล่าสุดในปีนี้กับ The Martian หนังเอาตัวรอดในอวกาศเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ Ridley Scott ที่ปัจจุบันมีอายุปาเข้าไปแล้วกว่า 77 ปี เรามาดูกันดีกว่าว่าลุงแกจะฝีมือตกไปบ้างไหม
The Martian กู้ตาย 140 ล้านไมล์ ว่าด้วยเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจของเหล่านักบินอวกาศ แต่ในระหว่างที่ทั้งหมดกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น พวกเขากลับเจอเข้ากับพายุบนดาวอังคารอย่างหนักจนต้องยกเลิกภารกิจ
แต่โชคร้ายที่ Mark Watney(Matt Damon) นักพฤกษาศาสตร์ หนึ่งในนักบินเกิดประสบอุบัติเหตุจนทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว คนอื่นๆจึงออกเดินทางกลับไปยังโลก แต่ความจริงแล้วเขายังไม่ตาย เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดบนดวงดาวที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ พร้อมกันนี้ก็ยังต้องพยายามติดต่อกลับมายังโลกเพื่อขอความช่วยเหลืออีกด้วย
เนื่องจากเป็นหนังเกี่ยวกับอวกาศเหมือนกันกับ Interstellar และ Gravity จึงอดไม่ได้ที่แอดเหมียวจะหยิบเอามาเปรียบเทียบ โดย The Martian เป็นหนังอวกาศที่ใช้ศัพท์ได้ไม่ยากเท่า Interstellar ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย ในขระเดียวกันก็ไม่ได้กดดันและคาร์คเท่ากับที่ Gravity เคยทำเอาไว้
แน่นอนว่าหนังเล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดของนักบินอวกาศคนเดียว ซึ่งแค่ฟังจากเรื่องย่อก็เหงาและหดหู่มากแล้ว แต่ตัวละครหลักอย่าง Watney กลับไม่ได้ท้อแท้และปล่อยให้ตัวเองจมอยู่คนความสิ้นหวังเลย และยังพยายามดิ้นทนทุกอย่าง ทั้งซ่อมยาน ปลูกผัก คำนวนปริมาณอาหาร เปิดเพลงฟัง อีกทั้งยังพยายามคุยกับกล้องวิดีโอ ประหนึ่งคุยกับเพื่อนงั้นแหละ
นอกจากเรื่องราวความสิ้นหวังบนความหวัง ภาพวิวบนดาวอังคารที่สวยงาม แล้ว ยังมีเรื่องของเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย โดยในหนังเรื่องนี้เลือกใช้เพลงประกอบเป็นเพลงดิสโก้เกือบทั้งหมดเลย ซึ่งมันขัดกับบรรยากาศของดาวที่ไรชีวิตนี่มาก แต่มันก็เข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ(ต้องไปดูเองแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องเพลงดิสโก้)
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เห็นจะเป็นนักแสดงนำอย่าง Matt Damon นี่แหละ เพราะพี่แกแสดงได้อบอุ่นมากและมีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังมาก หากใครติดภาพของ Damon จาก ด็อกเตอร์ Mann จาก Interstellar หรือ Jason Bourne แล้วล่ะก็ ขอบอกว่าในเรื่องนี้พี่แกเปลี่ยนไปมากทีเดียว แถมยังดูมีเสน่ห์มากขึ้นด้วยนะ
นี่ถือเป็นภาพยนตร์ที่แอดเหมียวยกให้เป็นท็อป 3 ของปีนี้เลย สนุกและครบเครื่องมาก ทั้งลุ้น กดดัน เหงา และตลกรวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ใครที่กลัวว่าหนังจะเศร้า หนังจะกดาร์ค หนังจะดูยากแล้วล่ะก็ หมดกังวลไปได้เลย เอ้าพูดขนาดนี้แล้วยังไม่รีบออกไปดูอีกกก
เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.