นับตั้งแต่ได้ยินข่าวว่า The Little Prince เรื่องสั้นสุดอมตะนิรันด์กาลของ … จะกลับมาเป็นแอนิเมชั่นหนังโรงอีกครั้ง และเมื่อทราบว่า Mark Osborne ที่เคยฝากฝีมือไว้กับ Kung Fu Panda จะได้เป็นผู้กำกับ ก็ยิ่งทำความอยากดูเจ้าชายน้อยเวอร์ชั่นนี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
หนังโรงเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้เล่าเนื้อเรื่องของเจ้าชายน้อยโดยตรง แต่จะเป็นเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่ง (Mackenzie Foy) ที่เติบโตมาในครอบครัวที่แม่ผู้หวังดี (Rachel McAdams) ที่พยายามกำหนดทุกอย่างในชีวิตให้ ทำให้เธอค่อยๆสูญเสียความเป็นเด็กไป จนกระทั่งเธอได้เจอกับนักบินชราข้างบ้าน (Jeff Bridges)
ที่นั่นเอง เธอได้ฟังเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของเจ้าชายน้อยที่มาจากดาวเคราะห์น้อย B612 เพื่อตามหาความหมายของชีวิต และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
หนังเล่าเรื่องของเจ้าชายน้อยสลับกับเรื่องของเด็กหญิง ซึ่ง Mark สามารถเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เรื่องราวของเจ้าชายน้อยเป็นเพียงส่วนประกอบของหนังเท่านั้น ผู้ชมจะค่อยๆหลงรักตัวละครเด็กหญิงและนักบินชราไปโดยไม่รู้ตัว จนอาจจะต้องเสียน้ำตากันเป็นพักๆ
แต่เมื่อถึงช่วงท้าย หนังกลับเปลี่ยนโทนจากหนังเรียลลิสติก (Realistic) กลายเป็นหนังแฟนตาซีแบบสุดขั้ว จนคนดูปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ซึ่งในช่วงนี้เอง หนังขาด “ความสมเหตุสมผล” และ “ความลื่นไหล” เป็นอย่างมาก จนแทบกลายเป็นจุดบอดจุดเดียวของหนังเรื่องนี้
แม้สุดท้ายตอนจบหนังจะกลับมาอยู่กับร่องกับรอย และจบลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ “ความไม่สมเหตุสมผล” และ “ความไม่ลื่นไหล” ในช่วงก่อนหน้านั้น แทบจะทำลายสิ่งดีๆ ที่ครึ่งแรกของหนังสร้างมาทั้งหมด
ด้านงานภาพเห็นทีจะไม่พูดถึงไม่ได้ ด้วยความที่เป็นหนังจากฝรั่งเศส ทำให้งานภาพช่วงเนื้อเรื่องปกตินั้น ไม่ได้สวยงามจนน่าประทับใจนัก (เทียบกับ Pixar หรือ Dreamworks) แต่ก็ถือว่างดงามตามมาตรฐาน แต่เทคนิคภาพ Stop Motion ช่วงเล่าเรื่องเจ้าชายน้อยที่เป็นเหมือนกระดาษ ต้องบอกว่าสวมงามและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก
สรุปแล้วแม้จะมีจุดบกพร่องไปบ้าง แต่เจ้าชายน้อยเวอร์ชั่นนี้ ถือว่าควรค่าแก่การตีตั๋วเข้าไปดูเป็นอย่างยิ่ง บางทีคุณอาจจะหลงลืมบางสิ่งที่สำคัญไประหว่างที่ “โต” เป็นผู้ใหญ่ก็เป็นได้
ที่มา เหมียวอ๊อดโด้
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.