ถือเป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าของโลกเลยก็ว่าได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย ISIS ได้เข้าโจมตีปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย จนสุดท้ายฝรั่งเศสก็ประกาศภาวะสงคราม เข้าถล่มซีเรีย
ได้มีอดีตตัวประกันที่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ชื่อว่า Nicolas Hénin ชาวฝรั่งเศส ผู้ถูกจับตัวไปนานกว่า 10 เดือน อีกทั้งยังได้พบเจอคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มก่อการร้ายนี้ รวมทั้ง Jihadi John ที่ Nicolas ตั้งชื่อให้เขาว่า “หัวล้าน” (baldy)
จากรายงานของสำนักข่าว The Guardian นักข่าวอิสระ Nicolas ได้รายงานว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อที่ทางอีกฝั่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความน่าสงสารขึ้น
เขากล่าวว่า “พวกเขาพยายามที่จะนำเสนอตัวเองให้เป็นเหมือนฮีโร่ในสายตาประชาชน แต่พออยู่หลังกล้อง ยังมีเรื่องที่น่าสลดอีกมากมาย เช่นเด็กข้างถนนที่ถูกมัวเมาด้วยอุดมการณ์และอำนาจ ในฝรั่งเศสอาจจะบอกว่าเป็นพวกเขลาอย่างปีศาจ แต่ผมพบว่ามันเขลายิ่งกว่าปีศาจเสียอีก ซึ่งผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการฆ่าอย่างโง่งมงายอีกด้วย”
เขายังบอกอีกว่าผู้คุมนักโทษมักจะเล่นเกมกับนักโทษบ่อยๆ เช่นการทรมาน หรือการบอกว่าพรุ่งนี้จะปล่อยตัวแล้ว แต่สุดท้ายก็นำไปประหารชีวิตแทน
Nicolas เล่าว่า ISIS จะทำการโจมตีแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อให้ผู้คนได้แตกหักกัน และทำให้ประเทศในยุโรปเกลียดกัน เขาต้องการให้เกิดภาวะ “เรา สู้กับ เขา” โดยให้ชาวมุสลิมเป็นสาเหตุในเรื่องดังกล่าว
ISIS พยายามใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการติดตามปั่นป่วน ซึ่งตอนนี้ทางผู้ก่อการร้ายอาจจะคิดว่าพวกเขาชนะแล้ว เนื่องจากผู้คนอาจจะคิดต่างแบบสุดโต่งเกินไป และบางคนก็อาจจะคิดในแง่ของความแตกต่างของการได้เปรียบทางการรบ การเหยียดเชื้อชาติ ความกลัว
สุดท้าย Nicolas ก็ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับความอันตรายในการทิ้งระเบิดในซีเรย เพราะเหมือนเป็นดาบสองคมที่ทางกลุ่ม ISIS ได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะตอนที่เราเอาระเบิดไปลง ก็ได้มีประชากรที่อยู่ที่นั่นกว่า 500,000 คนยังติดอยู่ในเมืองเหมือนเป็นกับดัก แต่เราไม่รู้ว่าพวกเขาปลอดภัยหรือไม่ และอย่างที่กล่าวไปข้างต้น พวกเขาถูกหลอกด้วยโฆษณาชวนเชื่อ การไปทิ้งระเบิดอาจเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นคนหัวรุนแรงได้
สิ่งที่ ISIS ต้องการตอนนี้คืออยากให้หลายๆประเทศในยุโรปเกลียดกัน จากการอพยพของชาวมุสลิมเข้าสู่ประเทศ ซึ่งนั่นทำให้ ISIS ใช้เพื่อให้เป็นประเด็นในการก่อการร้ายได้ อีกทั้งพวกเขายังต้องการให้ยุโรปมาทิ้งระเบิดอีก เพื่อให้โฆษณาชวนเชื่อของเขามีพลังมากขึ้น และเปลี่ยนความคิดของผู้คนที่นั่นได้
ที่มา unilad, the guardian, elitereaders
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.