เราต่างก็ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับความยากลำบากของชาวซีเรียที่สูญเสียทุกอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง รวมไปถึงชีวิต ซึ่งชาวซีเรียก็ได้กลายมาเป็นผู้ลี้ภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสาเหตุของสงครามกลางเมืองอันวุ่นวาย ทำให้บ้านที่เคยอยู่กลายเป็นแดนสงคราม
สงครามกลางเมืองในซีเรีย
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียต่างรู้ดีว่าชะตาชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากยืดหยัดอยู่ในซีเรียก็คงมีค่าไม่ต่างไปจากการรอความตาย เพราะฉะนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะทิ้งดินแดนเดิมของตนและลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางที่เฝ้าฝันเอาไว้
Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่ว่ายน้ำข้ามทะเลจากตุรกีไปยังกรีซ
แต่สำหรับ Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยที่เสี่ยงตายเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน จากการตัดสินใจวิ่งหนีสุดชีวิตไม่คิดหันหลังกลับ พึ่งพาร่างกายของตนเองเพื่อตามหาชีวิตใหม่ เนื่องจากเขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะว่าจ้างคนพาข้ามประเทศได้
เขาได้รับการฝึกฝนการว่ายน้ำมาจากทีมชาติซีเรีย และด้วยการฝึกฝนที่ได้รับมาเขาจึงวางแผนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุโรป ข้ามฝั่งจากประเทศตุรกีผ่านทะเลอีเจียนไปยังเกาะ Samos ประเทศกรีซ
ก่อนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลด้วยระยะทางเพียงแค่ 4 ไมล์ (6.4 กิโลเมตร) นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาต้องเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเสียก่อน ด้วยการฝึกว่ายน้ำในทะเลริมชายฝั่งในเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งก็ได้ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ได้ซักระยะแล้ว
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางข้ามละเทด้วยเรือยาง
หลังจากนั้นในเดือนกันยายน เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะไปแล้ว ก็ได้ทำการศึกษาแผนที่อย่างเคร่งครัดเพื่อที่จะค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด จนกระทั่งถึงคืนที่ต้องไป เขาก็ได้ลักลอบเข้าเมือง Güzelçamlı ของประเทศตุรกี วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเพื่อหลบหนีการจับกุมของตำรวจตุรกี
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางข้ามละเทด้วยเรือยาง
ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดที่ต้องลงไปในน้ำทะเล โดยมีเพียงแค่อุปกรณ์ว่ายน้ำที่นำติดตัวมาจากสระว่ายน้ำรวมไปถึงทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยที่นำติดตัวมาผูกไว้รอบเอวของตัวเอง ก่อนที่จะกระโดดลงไปในทะเล และนั่นก็คือจุดที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางข้ามละเทด้วยเรือยาง
ในช่วงระหว่างที่เขาอยู่ในน้ำทะเล เส้นทางอันแสนสั้นแต่กลับรู้สึกยาวนานและโหดร้าย เขาก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ผมคิดทุกวินาทีว่าผมกำลังจะตาย แต่ผมก็พยายามมองไปที่หุบเขาที่อยู่เบื้องหน้า และบอกกับตัวเองเอาไว้ว่า นี่แหละคืออนาคตของเรา’
ไม่ว่ากระแสคลื่นจะซักกระหน่ำซักเพียงใด เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้ จนกระทั่งว่ายน้ำมาถึงริมชายฝั่งของเกาะ Samos ได้สำเร็จ
ภาพประกอบข่าว
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ เขาต้องเดินไกลกว่า 7 ไมล์ (11.2 กิโลเมตร) เพื่อไปยังค่ายผู้ลี้ภัย จนกระทั่งไปถึงที่นั่นได้สำเร็จ และใช้ชีวิตอยู่ภายในค่ายเป็นระยะเวลา 1 เดือน ก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศสวีเดนด้วยรถไฟพร้อมกับผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ
เขากล่าวเพิ่มเติมว่าการว่ายน้ำข้ามทะเลของผู้ลี้ภัยไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร ยังมีผู้ลี้ภัยคนอื่นที่พยายามทำแบบเขา แต่บางคนไม่สามารถข้ามไปถึงฝั่งได้
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่ต้องทิ้งแผ่นดินบ้านเกิดของตนจากเหตุสงครามกลางเมือง
ทางด้าน International Organisation For Migration (IOM) ได้รายงานเอาไว้ว่าผู้ลี้ภัยกว่า 2,800 ราย เสียชีวิตจากการที่พยายามจะข้ามฝั่งไปยังประเทศในทวีปยุโรป ด้วยการอาศัยเรือยางหรือเรือไม้ที่ไม่ค่อยมีความแข็งแรงในการข้ามทะเล
ที่มา : independent, dailymail, unilad
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.