เรื่องจริงของ Huge Glass ผู้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Revenant !!!

ถ้าจะพูดถึงคอนเซ็ปต์ของหนังเรื่องนี้เลยก็คือ…อะไรที่ทำให้มนุษย์ผลักดันตัวเองจนสามารถก้าวผ่านขีดจำกัดและสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เพื่อการรอดชีวิต? และนั่นคือคำถามที่ผู้กำกับระดับโลกอย่าง Alejandro González Iñárritu ต้องตีโจทย์ให้แตกในภาพยนตร์ The Revenant ของเขา

โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่าง Leonardo DiCapriio การันตีด้วยทั้งฝีมือในการแสดง แถมต้องไปแสดงกันแบบจริงๆ ในสภาพอากาศที่เย็นยะเยือก ติดลบกว่า 25 องศา แสดงว่าเรื่องที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจจนทุกคนยอมทุ่มเทสุดตัวขนาดนี้ต้องสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ??

 

Leonardo DiCapriio ในบทบาท

1

 

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากนักล่าขนสัตว์ที่ชื่อว่า Hugh Glass ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1830 โดยชื่อเสียงของเขาก็เทียบชั้นได้กับระดับตำนานของชาวอเมริกันอย่าง Davy Crockett วีรบุรุษแห่งสงครามป้อม Alamo เลยทีเดียว

ในส่วนของสภาพอากาศอันเลวร้ายกว่า -25 องศา และการที่ผู้กำกับมือทองของเราตัดสินใจถ่ายเฉพาะสถานที่จริง สภาพแวดล้อมจริงๆ บรรยากาศจริงๆ เท่านั้น กว่า 90 นาที ในสถานที่ถ่ายทำจริงแถวแคนาดาและอาร์เจนตินา โดยเขาได้ให้เหตุผลว่า ‘การจะใช้สเปเชียลเอ็ฟเฟ็คต์ต่างๆ อย่างที่ค่ายหนังอื่นๆ ชอบทำในสมัยนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ผู้ชมก็มีความสุข แต่ในความรู้สึกผม…หนังมันห่วยนะ’

 

Hugh Glass นักล่าสัตว์ผู้เป็นตำนาน

2

 

และวันนี้เหมียวจะพาไปรู้จักเรื่องราวจริงๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์เรื่องนี้ Hugh Glass นักล่าขนสัตว์แห่งอเมริกันยุคบุกเบิก และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อ่านออกเขียนได้ เรื่องราวของเขากลับมีน้อยนิดมาก มีเฉพาะจดหมายที่เขาเขียนถึงพ่อแม่เท่านั้น

โดยในจดหมายได้เล่าเกี่ยวกับการผจญภัยของเขา การที่เพื่อนๆ ของเขาต้องเสียชีวิตจากการปะทะเข้ากับชนเผ่าอินเดียนแดง Arikara

และมีอีกหนึ่งจดหมายจากนายจ้างของเขา ที่ระบุลักษณะนิสัยของเขาว่า เป็นพนักงานที่ชอบการท้าทาย และยากที่จะควบคุม และได้เอ่ยถึงเรื่องที่เขาถูกโจมตีโดยหมีตัวใหญ่เอาไว้ด้วย

 

Hugh Glass ที่ต้องต่อสู้กับหมีกริซลี่ตัวโต

3

 

และจากเรื่องราวอันน้อยนิดของเขา ได้เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ทนายคนหนึ่งใน Philadelphia และเขาได้เขียนเรื่องของ Hugh Glass ขึ้นจากข้อมุลที่มีอยู่ และแจกจ่ายมันไปทั่วทุกมุมของประเทศสหรัฐอเมริกา

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่าล่ะ?? Jon T Coleman ศาสตราจารย์แห่ง Indiana’s Notre Dame University ก็ต้องออกมาตอบว่า ‘ไม่แน่ใจเหมือนกัน’

‘ผมไม่คิดว่าคนในสมัยก่อนนั้นให้ความสลักสำคัญอะไรมากกับคำว่านวนิยายและเรื่องจริงหรอกนะ…แต่เรื่องที่ผมว่ามันน่าสนใจก็คือ การที่มนุษย์ได้ไปเผชิญโลกของความเถื่อนและโหดร้ายของดินแดนตะวันตก การที่พวกเขามาจากยุโรปหรืออังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลังจากที่พวกเขาได้เผชิญกับสิ่งเหล่านั้น พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงไป…พวกเขาคือชาวอเมริกัน’ ศาสตราจารย์ผู้ตรวจสอบเรื่องนี้กล่าว

 

ผู้กำกับและนักแสดงในสถานที่ถ่ายทำจริง

4

 

จากการโจมตีโดยหมี (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีพยานคนไหนรู้เห้นและมายืนยัน) เกิดในปี 1823 เป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ Huge เข้าร่วมกลุ่มล่าขนสัตว์ใน South Dakota เขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีครั้งนั้น ตะปบหัวของเขา ลำคอถูกกระแทกอย่างรุนแรง และขาข้างหนึ่งก็หักจนใช้งานไม่ได้

นั่นทำให้ Glass อยู่ในสภาพร่อแร่ปางตาย ผู้นำของกลุ่มจึงได้มอบหมายให้พนักงาน 2 คนอยู่เป็นเพื่อนเขาจนเสียชีวิต และฝังเขาแบบคริสเตียน คือ John Fitzgerald และ Jim Bridger (ที่รับบทบาทโอย Tom Hardy และ Will Poulter )

เป็นระยะเวลากว่า 2 วันที่พวกนั้นเฝ้าเขาอย่างใกล้ชิด แต่ยิ่งเวลาผ่านไป กลุ่มใหญ่ก็ห่างออกไปทุกที พวกเขาเลยตัดสินใจแอบฝังเขาทั้งเป็นในหลุมตื้นๆ ตอนเขาหลับ และทิ้งให้อยู่แบบนั้น พอเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกฝัง และอยู่เพียงลำพัง

 

แต่ถึงจะบาดเจ็บปางตายแค่ไหน เขาก็คลานขึ้นมาจากหลุมได้ราวปาฏิหาริย์!!!

5

 

มีหลายเรื่องราวระหว่างการเดินทางเพื่อล้างแค้นของ Glass บ้างก็พูดว่าเขาฆ่างูและกินมันสดๆ ระหว่างที่เขาเดินทาง บ้างก็ว่าที่เขาตื่นขึ้นมาได้เพราะหมีตัวนั้นมาเลียปลุกเขาตื่น บ้างยิ่งออกทะเลว่าเขาถูกจับตัวไว้โดยโจรสลัดฝรั่งเศสเลื่องชื่ออย่าง Jean Lafitte ไปเสียอีก แต่แก่นหลังของเรื่องก็คือการตามล่าล้างแค่นของเขา!!!

แต่เรื่องราวทุกๆ เรื่องมาจบที่ Hugh Glass ไม่สามารถตามสองคนที่ทิ้งเขาไว้และไปล้างแค้นได้สำเร็จ เพราะหาพวกเขาไม่เจอ และในที่สุดเขาก็พบพื้นที่ในหัวใจและสามารถให้อภัยพวกเขาได้ในท้ายที่สุด…

และนี่ก็เป็นโจทย์ที่ท้าทายมากๆ สำหรับผู้กำกับ ว่าเขาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ ที่คนๆ หนึ่งราวกับว่าฟื้นขึ้นมาจากความตาย ด้วยไฟแห่งความแค้นอันเปี่ยมล้น และสุดท้ายเลือกที่จะให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเขา…

 

Hugh Glass และ Leonardo

1133

 

สำหรับในส่วนของตอนจบนั้น เหมียวว่าก็ต้องรอดูในโรงเอาละกันเนาะ ว่าเขาจะทำออกมาได้ดีสมราคาผู้กำกับและนักแสดงระดับโลกขนาดไหน…

 

แต่ผลงานระดับมาสเตอร์พีซแบบนี้วางใจได้เลยล่ะว่าตอนจบจะต้องเนี๊ยบมากๆ แน่นอน และจะว่าไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเลยล่ะที่เหมียวอยากดูใจจะขาดม๊ากกกกก ><

ที่มา: Telegraph

Comments

Leave a Reply