บทความเผยแพร่ไว้ที่ CatDumb Travel
10 องศาเมืองไทยว่าหนาวมากๆแล้ว เราลองไปรู้จักเมือง -50 องศาเซลเซียสกันบ้าง!!
ขณะที่นั่งเล่นเฟซบุ๊คเพลินๆ เหมียวก็ดันไปสะดุดกับโพสต์ของ บีบีซีไทย – BBC Thai ที่กล่าวถึงเมืองหนาวที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกอย่างเมืองโนรีลส์ก ในแคว้นไซบีเรีย
หลังจากค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เหมียวก็ได้รู้จักเมืองนี้มากขึ้น… Norilsk นั้นเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อตั้งในช่วงปี 1920 โดยเหล่านักโทษในสมัยนั้น
สำหรับอาชีพหลักของเมืองก็คืออุตสาหกรรมเหมืองและการหลอมเหล็ก กว่า 60% ของคนที่นี่ล้วนทำงานเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทั้งสิ้น
และถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองมลพิษอันดับ 7 ของโลก แต่ในปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ราว 170,000 คน
ช่างภาพ Elena Chernyshova มีความสนใจในเมืองแห่งนี้เป็นอย่างมาก จึงได้ออกเดินทางถ่ายทำสารคดีที่ชื่อว่า Days of Night – Nights of Day เพื่อค้นหาวิถีชีวิตของผู้คนในเมือง
และนี่คือเรื่องราวเหล่านั้น…
เมืองนี้โดดเดี่ยวมาก อยู่ห่างจากเส้นอาร์ติกเซอเคิลถึง 400 กิโลเมตร บนพื้นที่เวิ้งว้างของไซบีเรีย
เหตุผลเดียวที่มาอยู่ไกลขนาดนี้เพราะอุตสาหกรรมเหล็กและเหมือง ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 2% ของจีดีพีรัสเซีย
และนี่คือภาพของอุตสาหกรรมเหมืองแร่เหล็ก
.
แน่นอนว่าอุตสาหกรรมทำให้อากาศเป็นมลพิษ ผลของมันสามารถเห็นได้ชัดเจน
.
.
คนในเมืองนี้มีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าคนรัสเซียในที่อื่นๆราว 10 ปี
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเดินทางไปมาระหว่าง 3 เมืองหลักในเขตนี้ Norilsk, Talnakh และ Kayerkan
ในช่วงฤดูหนาวจะใช้ขบวนรถบัสไปพร้อมกัน 15-20 คัน ซึ่งหากคันไหนเสียระหว่างทาง ผู้โดยสารจะถูกเปลี่ยนถ่ายไปยังคันอื่นๆ
ในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยที่ -30 องศาเซลเซียส และมีพายุหิมะมากถึง 130 วัน
อุณหภูมิอาจจะไปแตะ -55 องศา หรือน้อยกว่านั้น
ฤดูหนาวที่ยาวนานถึง 9 เดือน ทำให้ผู้คนหันมาปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในอาคารแทน
.
เนื่องจากไม่โดนแสงอาทิตย์ ผู้คนต้องมาอาบแดดผ่านเครื่องนี้ ซึ่งเด็กนักเรียนจะได้อาบกันทุกวัน
ภาพที่เห็นนี้อุณหภูมิ -40 องศานะจ๊ะ และนี่ไม่ใช่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ แต่ใช้พลังจากเครื่องให้ความร้อน
ชีวิตของเหล่าเด็กๆในโรงเรียน
.
ของวัยผู้ใหญ่
.
ช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ดวงอาทิตย์จะไม่ลับขอบฟ้าเลย
.
คนวัยรุ่นที่ไม่ได้ทำงานอุตสาหกรรมหลายๆคนอยากออกไปจากที่นี่ โดยการพยายามหางานในส่วนอื่นๆของโลกที่พวกเขาเรียกว่า The Continent (แผ่นดินใหญ่)
.
.
และนี่คือความสุขของธรรมชาติที่พวกเขาจะสัมผัสได้ หลังจากผ่านฤดูหนาวอันยาวนาน 9 เดือนต่อปี
.
จะว่าไป เหมียวก็บ่นบ่อยๆว่าบ้านเราอากาศร้อน อยากจะหนาวขึ้นมาบ้าง แต่พอคิดถึงสภาพหนาวเหน็บของเมืองนี้แล้ว เหมียวคิดว่าร้อนๆแบบบ้านเราสบายกว่าเยอะเลยเนอะ
หวังว่าเพื่อนๆจะชื่นชอบบทความนี้ที่เหมียวแปลมานะครับ ใครชอบผลงานถ่ายภาพก็สามารถติดตามช่างภาพคนนี้โดยตรงที่เว็บของเธอได้เลย LensCulture….
แล้วพบกันใหม่ สวัสดีคร้าบบบบบ #ประธานเหมียว
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.