ช่วงเวลานี้คงจะไม่มีเกมไหนที่โด่งดังเป็นพลุแตกและโดนใจเกมเมอร์ทั้งยุคเก่ากับยุคใหม่ อันเนื่องมาจากเกมปลูกผักทำสวนทำไร่ Stardew Valley ที่มีกระแสตอบรับดีถึงดีมาก ถึงกับขนาดที่ว่าคนเล่นเถื่อนถึงกับรู้สึกผิดจนมาซื้อของแท้กันรัวๆ
แต่รู้กันหรือไม่ว่าแต่ก่อนที่ Stardew Valley จะดัง ไม่ได้มีการโปรโมตรอะไรมากมาย เป็นเกมอินดี้ที่ไม่ได้สร้างหรือพัฒนาโดยค่ายเกมยักษ์ใหญ่ใดๆ วางจำหน่ายแบบเงียบๆ แต่พอถึงเวลาขายปุ๊บ กลับดังระเบิดระเบ้อ
เกิดเป็นกระแสปากต่อปากในด้านบวกอย่างสุดโต่ง แง่ของคุณภาพเนื้อหาในเกม อีกทั้งยังได้สัมผัสกับบรรยากาศเกมปลูกผักที่คล้ายคลึงอย่าง Harvest Moon ด้วย
ทั้งนี้คุณภาพเกมที่ดีหรืออาจจะบอกได้ว่ายอดเยี่ยมนั้น ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นมาโดยคนเพียงคนเดียวเท่านั้น!? ห๊ะ!? ว่าไงนะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ เขามีชื่อว่า Eric Barone ผู้ให้กำเนิด Stardew Valley ปลูกผักยุคใหม่!!
Eric Barone
Eric Barone วัย 28 ปี จากเมือง Seattle รัฐ Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา นักพัฒนาเกมอินดี้ผู้ให้กำเนิด Stardew Valley เพียงคนเดียว จบการศึกษาจาก University of Washington–Tacoma ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปีค.ศ. 2011
โดยหลังได้รับปริญญาแล้วเขาก็ออกหางานตามสิ่งที่ได้เรียนมา นั่นก็คือการสมัครงานเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ระดับพื้นฐาน ร่อนสมัครหลายบริษัทแต่กลับไม่ได้ซักที่ ซึ่งภายหลังเขากลับคิดว่างานแบบนี้มันไม่น่าจะเหมาะกับเขา และไม่อยากจะนั่งทำงานอยู่ในห้องเล็กๆ แคบๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิต
จากนั้นความคิดการสร้างเกมก็เข้ามาในหัว ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่มี บวกกับเป็นแฟนตัวยงของเกม Harvest Moon ด้วย Barone จึงไม่รีรอที่จะสร้างเกมที่มีลักษณะคล้ายๆ กันออกมา ซึ่งในตอนแรกเขาคิดไว้ว่าจะปล่อยตัวเกมในระบบ XBox Live Indie Games แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อลองให้แฟนๆ เกมได้ลองเล่น เพื่อทดสอบแนวคิดคอนเซปต์และฝีมือการพัฒนาของเขา
จากการเริ่มต้นในตอนแรกนั้นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เขาเริ่มพัฒนาทักษะของตัวเองได้มากขึ้นและเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ของการพัฒนาเกมออกมาขาย มุ่งมั่นสู่เส้นทางนักพัฒนาเกมอินดี้อย่างจริงจัง คิดใหม่ ออกแบบใหม่ เพื่อให้เกมที่ดีมีคุณภาพยิ่งกว่าเดิม
ตลอดระยะเวลา 4 ปีในการพัฒนาเกมเพียงคนเดียว เขาต้องทำงานเฉลี่ย 10 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้กำเนิด Stardew Valley ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนเดินตั๋วในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้าน กลับมาก็มาเขียนเกมต่อ
อีกทั้งยังโชคดีที่มีแฟนสาวเป็นนักศึกษาปริญญาโททางด้านชีววิทยาเกี่ยวกับพืช จึงสามารถชี้ทางสว่างให้เขามองเห็นรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการดูแลพืชผักจากชีวิตจริงนำมาสู่ในเกม
จากแนวคิดง่ายๆ ของการทำฟาร์มก็คือตื่นมาทุกๆ เช้า รดน้ำทำสวนทำไร่ รอคอยวันที่ผลผลิตเจริญงอกงาม เลี้ยงสัตว์ ตัดหญ้า ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้ตัวเกมมีความซับซ้อนซ่อนอยู่ในความเรียบง่าย อีกทั้งยังสอดแทรกระบบทุนนิยมเข้าไปอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ยิ่งทำให้เนื้อหาภายในเกมหนักแน่น
สิ่งที่แตกต่างจาก Harvest Moon ก็คือ เขาเห็นว่าเกมจะจบลงภายหลังจากที่ผ่านไป 2 ปีในการทำฟาร์ม แต่สำหรับ Stardew Valley เขาอยากให้มากกว่านั้น คืออยากจะทำฟาร์มจะเล่นต่อไปอีกกี่ปีก็ได้ (ในเกม)
‘ผมอยากจะให้คุณรู้สึกตื่นเต้นในสิ่งที่ทำ และไม่รู้สึกเครียดไปกับมัน เพราะยิ่งคุณตื่นเต้นก็ยิ่งจะมีอะไรให้ทำอีกเยอะ’ Barone กล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้ทดสอบในช่วงเบต้า ทำฟาร์มในเกมยาว 5-6 ปี ประมาณ 400 ชั่วโมงในชีวิตจริง อื้อหือ!!
และจากความพยายามมุ่งมั่นใส่ใจทุกรายละเอียดเกมเล็กๆ จากผู้พัฒนาเพียงคนเดียว ในวันที่เกมเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายพุ่งสูงภายในระยะเวลาอันรวดเร็วกว่า 550,000 หน่วย ด้วยราคาเพียง 15 เหรียญ หรือ 315 บาทไทย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่ทุ่มเทมาตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็ม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Barone ยังคิดว่าเขายังไม่ถึงจุดนั้น ยังคงเอาใจใส่แฟนเกมที่เล่นอยู่ตลอด คอยรับฟังความคิดเห็นและแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด และยังคงคิดวางแผนในอนาคตต่อไปว่า
‘ผมอยากจะสร้างเกมเป็นคอลเลคชั่นในช่วงระยะเวลาที่ผมยังเป็นนักพัฒนาอินดี้อยู่ เพราะยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายในอดีตที่ผมเคยคิดจะสร้างมันขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้สนุกไปกับมัน’
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.