สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีหนึ่งเรื่องราว ของชีวิตของคนๆ หนึ่ง ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจทีเดียว เขาเป็นชนเผ่าอินเดียผู้ทรงเกียรติแห่งทวีปอเมริกาล่ะ ลองมาชมเรื่องราวชีวิตของเขากัน…
Joseph Medicine Crow หนึ่งในหัวหน้าเผ่าชาวอเมริกันอินเดียนแดงผู้ทรงเกียรติได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 102 ปี นับได้ว่าเขาเป็นหัวหน้าเผ่า Montana’s Crow คนสุดท้าย และถือได้ว่าเป็นยอดนักรบผู้ผ่านสมรภูมิมามากมายอีกด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบาม่า มอบเหรียญเสรีภาพให้หัวหน้าเผ่า Dr. Joseph Medicine Crow
สำหรับการสูญเสียหัวหน้าเผ่าคนนี้ไปถือเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว เพราะท่านเป็นบุคลากรผู้ทรงคุณค่าอย่างมาก
เพราะว่า Medicine Crow เป็นคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามใน Little Bighorn อันเป็นจุดจบของนายพลคัสเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกาในอดีตอีกด้วย และนี่คือเรื่องราวของเขาล่ะ…
Joe Medicine Crow เกิดในเขตพิทักษ์อินเดียนแดงใน Lodge Grass, Montana ปี 1913
ปู่ของเขามีชื่อว่า White Man Runs Him เป็น 1 ใน 6 ของหน่วยลาดตระเวนมือฉมังของนายพล George Armstrong Custer ที่ได้เข้าร่วมสงครามกับเผ่า Sioux และ Cheyenne จนเป็นบ่อเกิดของสงครามใน Little Bighorn ปี 1876 นั่นเอง
ภาพการต่อสู้ในสงคราม Little Bighorn จุดจบของนายพลคัสเตอร์
ขณะนั้นนายพลคัสเตอร์มีกำลังพลราวๆ 700 นาย เขาได้วางแผนแบ่งกองกำลังออกเป็น 3 ส่วน ทำให้เขามีกำลังพลราวๆ 200 นายด้วยกัน ขณะนั้นกองทัพของอินเดียนแดงซึ่งเป็นกองกำลังผสมของหลายเผ่าที่มีจำนวนนับพันคน จากการแบ่งกำลังที่ผิดพลาดทำให้เขาถูกล้อมและเสียชีวิตในวันนั้นเอง
White Man Runs Him ปู่ของ Joe Medicine Crow และเพื่อนๆ ที่เป็นหน่วยลาดตระเวนมาเยี่ยมป้ายหลุมศพใน Little Bighorn หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ได้เล่าเรื่องราวให้หลานของเขาฟังอย่างละเอียด
กลับมาที่เรื่องของ Joe Medicine Crow กันซักหน่อย (ในภาพคือเขาตอนหนุ่มๆ หล่อเหลาเอาการเลยนะเนี่ย ฮร่าา)
Joe Medicine Crow เกิดขึ้นมาในเผ่าอินเดียนแดง Crow และได้รับการฝึกแบบนักรบจากเผ่าจนสำเร็จ โดยเริ่มตั้งแต่อายุได้ 6 ปี ไม่ว่าจะเป็นการถูกแช่ในธารน้ำแข็ง การที่ต้องเดินเท้าเปล่าบนพื้นหิมะ หรือการต่อสู้กับนักรบที่อาวุโสกว่าในเผ่า
Chief Medicine Crow คุณปู่ของ Joe Medicine Crow
Joe Medicine Crow ได้เคยอธิบายเกี่ยวกับชนเผ่าของเขาไว้ว่า ‘ชนเผ่าเราเป็นชนเผ่าของนักรบ ถ้าจะให้พูดถึงคุณปู่ของผมล่ะก็ เขาเป็นตำนานของเผ่าเลยล่ะ ไม่มีนักรบคนไหนจะกล้าหาญเกินไปกว่าเขา และยิ่งไปกว่านั้น เขาเคี่ยวเข็ญฝึกฝนผมมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทีเดียว’
ในปี 1938 Joe ได้กลายเป็นสมาชิกของเผ่าคนแรกที่จบการศึกษาและได้รับปริญญาตรีจาก Oregon’s Linfield College
นอกจากนั้นปีต่อมาเขายังได้รับปริญญาโทสาขามนุษยวิทยาจาก University of Southern California ด้วยวิทยานิพนธ์เรื่อง “The Effects of European Culture Contacts Upon The Economic, Social, and Religious Life of the Crow Indians.” หรือ ‘ผลกระทบของวัฒนธรรมชาวยุโรปต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และศาสนาของชาวอินเดียนแดงเผ่า Crow’
‘ผมอยากจะพิสูจน์ให้ทุกๆ คนได้เห็น ไม่ใช่เฉพาะในเผ่าผม แต่คนทั้งโลกเลยล่ะ ว่าพวกเราอินเดียนแดงก็สามารถเป็นนักศึกษาที่ดีได้เช่นกัน สมัยนั้นผู้คนชอบคิดว่าชาวอินเดียนน่ะไม่ค่อยฉลาด ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้หรอก แต่ผมก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเราน่ะสามารถทำได้เหมือนกัน’ Joe เคยกล่าวไว้ในปี 2009
แถมในปี 1943 เขาก็ได้เข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ ไปทำสงครามในยุโรป โดยการเป็นหน่วยลาดตระเวนอีกด้วย
ระหว่างสงครามโลกในครั้งนั้น Medicine Crow ก็ได้สร้างความดีความชอบถึง 4 ครั้งด้วยกัน ทำให้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้านักรบของเผ่า โดยการทำตามประเพณีอย่างยาวนานของเผ่าเขาทั้ง 4 ประการ นั่นก็คือการสัมผัสตัวนักรบศัตรูที่ยังมีชีวิตอยู่ การปลดและยึดอาวุธของศัตรู การนำกลุ่มรบสู่ชัยชนะ และสุดท้ายคือการขโมยม้าของศัตรู
ระหว่างสงครามเขาได้ต่อสู่แบบ 1-1 กับทหารเยอรมันและได้รับชัยชนะ ยึดอาวุธของเขา
Joe ได้เล่าเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นว่า ‘ผมฟาดไรเฟิลของผมใส่เขาทำให้ไรเฟิลเขากระเด็นไป เขาล้มลงและผมก็เอาปืนรัดคอเขาไว้ ผมพร้อมที่จะฆ่าเขาในตอนนั้น แต่ตอนที่เขากำลังจะสิ้นใจ เขาพึมพำออกมาว่า ‘Mama, Mama’ (ถึงแม่ของเขา) สติของผมก็กลับคืนมาและปล่อยเขาไปในที่สุด’
การเข้าร่วมในสงครามของเขา
แถมภารกิจขโมยม้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เขากลับขโมยม้าของข้าศึกมาได้กว่า 50 ตัวเลยทีเดียว แถมตอนเขาขโมยสำเร็จก็ได้ร้องเพลงของเผ่าอย่างกึกก้องเพื่อประกาศความสำเร็จในภารกิจให้เหล่าทหารเยอรมันฟังอีกด้วย
หลังจากกลับจากสงครามในยุโรป Medicine Crow ก็ทำหน้าที่เป็นทั้งหัวหน้าเผ่า นักประวัติศาสตร์ และเป็นผู้ให้การศึกษาต่างๆ เกี่ยวกับชนเผ่าของเขาแก่คนทั่วไป และเขายังเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมอีกด้วย
ความกล้าหาญในสนามรบของเขาทำให้เขาได้เหรียญ Bronze Star จากกองทัพสหรัฐฯ เหรียญ Legion d’honneur จากประเทศฝรั่งเศส และในปี 2009 เขาก็ได้รับเหรียญด้านเสรีภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นหนึ่งในอินเดียนแดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ล่ะ
ถือว่าเป็นเรื่องราวชีวิตที่ยาวนานจริงๆ ที่เขาประสบพบพานมา แต่ต้องบอกว่าตอนสมัยหนุ่มๆ และได้เข้าร่วมสงคราม เขาน่ะแสบสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย สุดท้ายก็ต้องขอแสดงความเสียใจต่อเผ่าของคุณตาด้วยนะ ท่านเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าจริงๆ
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.