สำหรับธรรมชาติ ก็เรียกได้ว่าสร้างสรรพสิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ซึ่งบางแห่งอาจเรียกได้ว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของโลกใบนี้เลยทีเดียว ที่ได้คงอยู่ท้าทายกาลเวลามานับพันๆ ปีก่อนที่เราจะเกิดเสียอีก
แต่ก็นั่นแหละ มนุษย์ก็เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำลายธรรมชาติเหมือนกัน ดำรงมานับล้านๆ ปี แต่จะมาพังทลายในช่วงปีของมนุษย์นี่แหละ และนี่ก็คือ 26 สถานที่สวยๆ จากรอบโลก (สร้างโดยทั้งมนุษย์และธรรมชาติ) ที่คุณควรไปเยี่ยมชมก่อนที่พวกมันจะสลายหายไปเหลือเพียงแต่ความทรงจำเท่านั้น…ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
กำแพงเมืองจีน ทั้งจากการรุกล้ำเพื่อทำการเกษตร การกัดกร่อนตามธรรมชาติ และที่หนักสุดก็คือการแอบขโมยเอาอิฐของกำแพงส่วนหนึ่งไปขายของเหล่าผู้ลักลอบ ตอนนี้ 2 ใน 3 ของกำแพงเมืองจีนทั้งหมดได้ถูกทำลายไปแล้วล่ะ
Taj Mahal ในอักรา ประเทศอินเดีย หนึ่งในอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก หลังจากถูกการกัดกร่อนและมลพิษรุมเร้ามาหลายต่อหลายปี ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากคาดการณ์ว่ามันจะถล่มลงมาในไม่ช้า
Dead Sea ทะเลที่มีความเค็มที่สุดในโลกของพรมแดนอิสราเอลและจอร์แดน ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้จำนวนน้ำของทะเลแห่งนี้ได้ลดลงไปกว่า 24 เมตร และมีทีท่าว่าจะลดไปอีก หลักๆ แล้วก็เพราะการใช้น้ำเกินขนาดในแม่น้ำจอร์แดน กระแสน้ำหลักที่ไหลลงสู่ Dead Sea นั่นเอง
Denali National Park แห่งอลาสก้า ที่เป็นบ้านของเหล่าสรรพสัตว์และระบบนิเวศน์ในพื้นที่กว่า 24,000 ตารางกิโลเมตร นั่นรวมถึงยอดเขาแสนสวยอย่าง Denali ที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ หลังจากประสบภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งละลาย ทำให้ระบบนิเวศน์ของที่นี่เปลี่ยนไปและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
Great Barrier Reef แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกของประเทศออสเตรเลีย ทั้งจากมลพิษความเป็นกรดของน้ำและภาวะโลกร้อน ทำให้ปะการังกว่าร้อยละ 93 ของที่นี่ฟอกขาวไปเป็นที่เรียบร้อย เป็นอัตราที่น่ากลัวมากถ้ายังไม่รีบทำอะไรเราสูญเสียที่นี่ไปก่อนที่อื่นแน่ๆ
เกาะ Seychelles แห่งมหาสมุทรอินเดีย อีกหนึ่งแลนมาร์กของการท่องเที่ยวและฮันนีมูน กำลังถูกกระแสน้ำกัดกร่อนไปเรื่อยๆ และจะหายไปในไม่ช้า…
เทือกเขา Alps ที่ถูกภัยธรรมชาติอย่างภาวะโลกร้อนโจมตีเข้าอย่างจัง ในโซนของภูเขานั้นจะสูญเสียปริมาณน้ำแข็งอย่างน้อยปีละ 3% และเหล่าผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภายในปี 2050 น้ำแข็งบนเทือกเขานี้จะหายไปจนหมด
Florida Everglades เสี่ยงต่อการสูญเสียระบบนิเวศน์ของที่นี่ไปมากๆ หลักๆ แล้วก็เพราะพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นของที่นี่จำนวนมาก แถมการพัฒนาและขยายของชุมชนเมืองก็ทำให้ที่นี่มีอัตราเสื่อมโทรมที่เร็วขึ้นไปอีก
Grand Canyon ติด 1 ใน 11 อันดับของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีอัตราการหายไปรุนแรงมากที่สุดในสหรัฐฯ หลักๆ แล้วก็เพราะการขยายตัวของเหมืองแร่ยูเรเนียมในพื้นที่ รวมถึงรีสอร์ทต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการใช้น้ำจากแหล่งน้ำของที่นี่ อาจทำให้ระบบนิเวศน์ทั้งหมดพังทลายได้เลยทีเดียว
ปิรามิด สุสาน และอนุสาวรีย์ใน Memphis เพราะการก่อสร้างในละแวก รวมถึงการดันตัวขึ้นของแหล่งน้ำใต้ดิน ทำให้สถานที่เหล่านี้พังทลายลงไปเรื่อยๆ ทุกๆ ปี
Sleeping Bear Dunes National Lakeshore ในมิชิแกน สหรัฐฯ ถูกคุกคามอย่างหนักโดยสาหร่ายและหอยแมลงภู่ แถมระดับการเพิ่มขึ้นของฟอสเฟตของที่นี่ยังน่ากลัวมากๆ อีกด้วย
แอ่งคองโก ผืนป่าดงดิบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก กำลังสูญหายไปโดยการลักลอบขุดเหมืองแบบผิดกฎหมาย ในปี 2040 นี้ UN คาดว่า ปริมาณกว่า 2 ใน 3 ของป่าแห่งนี้จะถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง
เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี กำลังประสบปัญหาการจมลงอยู่เรื่อยๆ ประกอบกับอุทกภัยที่เกิดขึ้นทุกๆ ปี ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้เราคงต้องดำน้ำเพื่อดูมหานครแห่งนี้…
Montana’s Glacier National Park ที่เป็นจุดหมายของเหล่ายอดนักปีนเขามาแสนนาน เนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้ธารน้ำแข็งกว่า 150 แห่งเหลือเพียง 25 แห่งเท่านั้น และอีกราวๆ 15 ปี ธารน้ำแข็งของที่นี่ก็จะไม่มีเหลือแล้วล่ะ
Maldives เกาะพักผ่อนอันเลื่องชื่อ กำลังประสบปัญหาการจมลงสู่ใต้มหาสมุทรอยู่เรื่อยๆ ด้วยเรทการจมของตอนนี้ นักวิชาการคาดว่ามันจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ไม่ถึง 100 ปีเท่านั้น
Big Sur แห่งแคลิฟอร์เนีย หนึ่งในสถานที่ดูวาฬที่ดีที่สุดในโลก แต่ด้วยภัยแล้งล่าสุดทำให้ระบบนิเวศน์ของที่นี่มีแนวโน้มถูกทำลายลงไป ทุกๆ ปีจำนวนวาฬที่ผ่านไปมายิ่งเหลือน้อยลงๆ
ป่าอะเมซอน ปอดของโลก ผืนป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า 5,100,000 ตารางกิโลเมตร เป็นบ้านของเหล่าสรรพสัตว์นับล้านตัว กำลังถูกคุกคามจากการเกษตรของประชากรในพื้นที่ และในไม่ช้าป่าผืนนี้ก็จะเหลือเพียงแต่ในความทรงจำเท่านั้น…
North Carolina’s Outer Banks ที่ประสบกับปัญหาการถูกกัดเซาะลงเรื่อยๆ ประภาคารอันเลื่องชื่อแห่งนี้ Cape Hatteras Lighthouse ที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 1870 ก็มีอัตราเสี่ยงที่จะถล่มลงมาเช่นกัน
ยอดเขา Kilimanjaro ในประเทศแทนซาเนีย จากการบันทึกสถิติ จำนวนน้ำแข็งที่สามารถสังเกตได้บนยอดเขาในปี 1912 จนถึง 2007 พบว่าลดลงกว่าร้อยละ 85 เลยทีเดียว และอีกไม่นานน้ำแข็งบนยอดเขานี้ก็จะหายไปจนหมด
Mendenhall Glacier ในอลาสก้า บรรยากาศสวยๆ ของถ้ำใต้ธารน้ำแข็งเหล่านี้กำลังจะหายไป เพราะจะไม่มีธารน้ำแข็งให้เราดูแล้วน่ะสิ แน่นอนว่าเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้พวกมันละลายลงอย่างรวดเร็วและสร้างขึ้นมาใหม่ไม่เท่ากับอัตราที่มันละลาย
Petra ในประเทศจอร์แดน สถานที่แห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านทุกๆ ปี หลังจากผ่านร้อน ฝน การกัดเซาะ และการถูกย่ำยีโดยเหล่านักท่องเที่ยวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มหานครโบราณแห่งนี้กำลังประสบปัญหาการถล่มอย่างยิ่ง
Hawai’i Volcanoes National Park กับวิวบรรยากาศภูเขาไฟโบราณกว่า 70 ล้านปีที่ยังคุกรุ่นอยู่ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สัตว์ย้ายออกจากพื้นที่แถบนี้จนเกือบหมด
กำแพงของมัสยิดใน Timbuktu ประเทศมาลี ด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีประกอบกับการถูกน้ำฝนชะล้าง กำแพงก็พบกับความเสี่ยงในการถล่มมากขึ้นทุกๆ ปี
Rocks National Lakeshore โด่งดังในเรื่องความสวยงามของยอดเขาหินทรายที่มีหลากหลายสี น้ำตก และผืนป่าที่สวยงาม แต่การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น รวมถึงอุณหภูมิของน้ำ และน้ำแข็งที่ละลายมากขึ้นทุกๆ ปี ทำให้สถานที่แห่งนี้เริ่มได้รับผลกระทบ
เมือง Potosí แห่งโบลิเวีย ประสบปัญหาการถล่มจากการลักลอบขุดเหมืองในพื้นที่ แถมบางส่วนของเมืองได้ถล่มไปเรียบร้อยแล้ว
Grand Teton National Park ใน Wyoming ประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำใส ผืนป่าสวยงาม และจุดเด่นที่สุดก็คือจุดที่นักตกปลาสามารถตกได้ชุกชุม ประสบปัญหาอย่างหนักในเรื่องอุณหภูมิ และธารน้ำแข็งในพื้นที่ๆ ที่ละลายเร็วกว่าอัตราการสร้างคืน ทำให้ประชากรของสัตว์ในแถบนี้ลดลงเรื่อยๆ
แต่ละสถานที่ก็เรียกได้ว่าสวยจับใจจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่บางสถานที่ก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของมนุษย์นี่แหละ น่าเสียดายที่พวกมันคงอยู่ให้เราดูได้อีกไม่นานแล้ว…
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.