บนโลกของเรานั้นมีอารยธรรมและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งปัจจุบันก็ได้สูญสลายหายไปบ้างแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงอยู่
นครถ้ำเก่าแก่ Sassi di Matera ที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เองก็เป็นอีกหนึ่งอารยธรรมที่ยังคงเหลือรอดมาถึงปัจจุบัน แถมยังมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่กันด้วยนะ
นครเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 9,000 ปีนี้ประกอบไปด้วย ถ้ำว่า 1,000 ถ้ำด้วยกัน
สถานที่แห่งนี้มีผู้คนอยู่อาศัยมาโดยตลอดจนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 1950 ผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างแร้นแค้น เพราะไม่มีน้ำ ไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย
รัฐบาลได้ทำการแจ้งให้เหล่าผู้อยู่อาศัยอยู่ที่ Sassi di Matera นี้ให้อพยพออกไปอยู่ที่อื่น แต่พวกเขาก็ไม่ไปไหน
จนกระทั่งในปี 1993 UNESCO ได้ตั้งให้นคร Matera แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในมรดกโลก จึงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ปัจจุบันมีโรงแรม และร้านอาหารผุดขึ้นมามากมาย เพื่อคอยต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนจากทั่วโลก และแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ รูปปั้น เหรียญ และเครื่องปั้นดินเผา ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี ในเมืองที่มีอารยธรรมเก่าแก่อยู่มากมายแห่งนี้
แถมยังเคยใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายภาพยนตร์จากฮอลลีวูดมากมาย อย่างเรื่อง The Passion of Christ, The Nativity Story และ King Davis
Sassi di Matera เป็นเมืองเก่าแก่ที่ที่สุดมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลก
จนชาวเมืองที่นี้มักจะคุยว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนเพียงหนึ่งเดียวในโลก ที่อาศัยอยู่ที่เดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อ 9,000 ปีที่แล้ว
ถ้ำหินปูนเหล่านี้ได้พิสูจน์ตัวเองกับบททดสอบของกาลเวลา
การที่อารยธรรมแห่งนี้ผ่านอุปสรรคต่างๆ จนทำให้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ แสดงว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องผ่านอะไรมาอย่างโชกโชนเป็นอย่างแน่นอน สุดยอดมว๊ากกก!!
ที่มา : lifebuzz
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.