รอคอยกันมานานมากกับหนังฮีโร่ฟอร์มยักษ์ที่อาจจะเรีกยได้ว่าเป็น Avengers 2.5 เลยก็ว่าได้กับ Captain America: Civil War ซึ่งหลายคนก็คงได้ดูตัวอย่าง บางคนก็ออกไปดูมาแล้วก็มี เพราะเพิ่งเข้าโรงอย่างเป็นทางการวันนี้เป็นวันแรก
อันตัว #เหมียวสามสี นี่ก็ไม่ค่อยเห่อเลย ไปรอตั้งแต่ห้างยังไม่เปิดแล้วก็ดูรอบที่เช้าที่สุดกลัวว่าจะสปอย พอดูจบแล้วมันก็รู้สึกปริ่มอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่ามันสมกับการรอคอยจริงๆ
เกริ่มกับคร่าวๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า หลายคนที่คิดจะไปดูเรื่องนี้ก็คงทำการบ้าน ดูหนังของ Marvel มาก่อนแล้ว และก็คงรู้เรื่องราวว่าในภาคนี้ฮีโร่จะตีกันเพราะสนธิสัญญาควบควมการออกปฏิบัติ ซึ่งก็มีฝั่งที่เห็นด้วยก็คือทีมไอรอนแมน และฝั่งที่ไม่เห็นด้วยก็คือทีมแคปนั่นเอง
ก่อนไปดูเราก็รู้กันแค่นี้แหละ แต่ต่อไปนี้เหมียวจะพูดถึงความรู้สึกที่ได้ดู Captain America: Civil War จบ…
ยังจำช่วงเวลาที่ได้ดู Avengers ภาคแรกได้หรือไม่ ในตอนที่เราได้เห็นฮีโร่มารวมตัวกันเป็นครั้งแรกแล้วเรารู้สึกว้าว นี่มันเป็นสิ่งที่เรารอมานาน ซึ่ง Captain America: Civil War นี้มันทำให้เรากลับไปรู้สึกแบบนั้นได้อีกครั้ง โดยมองข้าม Age of Ultron ไปได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะรวมฮีโร่เหมือนกันก็เถอะ
ใน Captain America: Civil War นี้มีอะไรให้เราประหลาดใจอยู่หลายตอน ด้วยโทนของหนังที่ซีเรียสตามฉบับของ Captain America ในภาพก่อน แต่ก็มีฮีโร่ตัวอื่นมาสร้างสีสัน (ความตลก) ให้หนังดูไม่ซีเรียสเกินไป ซึ่งมันก็ได้จังหวะที่ดีมากๆ เพราะลองนึกภาพว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ฮาคงจะคิ้วหงิกกันทั้งเรื่องเลย
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรานึกถึง Avengers ภาคแรก ก็คือการกระจายบทที่ดีเลิศ ไม่ว่าใครจะปรากฏตัวขึ้นมา ออกมากหรือออกน้อย แต่พอดูจบทุกคนจะเป็นที่จดจำแล้วสามารถนำมาพูดกับเพื่อนต่อได้ว่าตัวนั้นตัวนี้เป็นไง โดยไม่สามารถมองข้ามตัวละครตัวใดไปได้เลย
ยกตัวอย่างเช่นสไปดี้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะอยากให้ออกเยอะๆ เพราะคิดถึงฮีโร่มาดกวนคนนี้ แต่ในหนังก็ทำออกมาได้พอดีมากๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ดูแล้วอิ่มพอดี และอีกตัวละครใหม่ แบล็กแพนเทอร์ ก็สามารถสื่อให้เห็นถึงอุดมกาณณ์และความรู้สึกได้ชัดเจน หรือแม้กระทั้งฮอว์กอายส์ ที่เหมือนตัวหนังไม่ได้โปรโมตอะไรมาก แต่ก็เป็นตัวกระตุ้นปมได้อย่างดี
หนังมีความครบรสอย่างบอกไม่ถูก ถ้าพูดถึงฉากบู๊แล้ว มันเติมเต็มทุกอย่างได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่สนามบิน เป็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะสนุกได้ขนาดนี้ เพราะดูจากตัวอย่างแล้วมันดูโล่งๆ ไม่มีอะไรที่หวือหวา แต่เรากลับโดนหลอกอย่างจังเพราะเหมียวคิดว่าซีนนี้มันสู้ได้สนุกสุดๆแล้ว
อีกอย่างก็คือฉากซีเรียส ทั้งฉากสู้แบบเพื่อนกัน เห็นแล้วก็ทำให้เราไม่รู้จะเชียร์ฝ่ายไหนเลย เพราะเราต่างรู้เหตุผลของทั้งคู่ หรือจะเป็นฉากคุยกัน ทุกคำพูดมันทิ่มแทงหัวใจได้ดีเหลือเกิน
แต่ก็มีเรื่องที่ติดใจอยู่นิดนึงก็คือตัวร้ายที่เหมียวคิดว่ายังโหดไม่พอ เขาคือตัวการทำให้เกิดความบาดหมางในครั้งนี้ด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันธรรมดาไปนิดนึง
สรุปเลยแล้วกันว่า Captain America: Civil War นี้ตอบโจทย์ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดราม่า ตลก มันส์ เรียกได้ว่ากลมกล่อม ซึ่งในความคิดของเหมียวคิดว่ามันดีที่สุดในบรรดาหนัง Marvel ที่เคยทำมาเลย สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปดู อาจจะต้องทำใจหน่อยเพราะว่าขนาดเหมียวไปรอบเช้าสุดยังเต็มโรง บวกกับมีเสียงของเด็กตลอดทั้งเรื่อง T T แต่หนังก็สนุกจริงๆ
ปล. มี End Credit อยู่ 2 ครั้ง นะจ๊ะ ควรค่าแก่การดูมากๆ ไม่ควรรีบลุก
#เหมียวสามสี
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.