ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ สำหรับ Captain America: Civil Wars หรือหนังเดี่ยวของ Captain America ภาคที่ 3 ในครั้งนี้ยังคงความเป็นหนังสายลับ สืบสวนสอบสวน หักมุมเหมือนอย่างภาคก่อนได้อย่างยอดเยี่ยม (#เหมียวฟิ้นยกให้ดีกว่านิดหน่อย)
ล่าสุดเหมียวมีโอกาสได้ไปดูมา วันนี้จะมาบรรยายพร้อมกับสปอยล์เนื้อเรื่องแบบแหลกลาญ ถ้าคุณยังไม่ได้ดูล่ะก็โปรดหลีกเลี่ยงบทความต่อไปนี้ให้ดีๆ นะ ส่วนใครที่ดูมาแล้วก็มาคุยกันได้เลยว่าชอบไม่ชอบยังไงบ้าง
Captain America: Civil Wars เล่าเรื่องราวของกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ที่ถูกทางรัฐบาลเพ่งเล็งว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก และเป็นตัวก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองนับไม่ถ้วน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เหล่าเอเลี่ยนบุกโลกใน The Avengers ภาคแรก
ทางรัฐบาลของประเทศวากานด้า (ประเทศสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ใน Age of Ultron จึงได้ร่วมลงนามร่วมกับอีกร้อยกว่าประเทศเพื่อให้เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ในองค์กร Avengers ต้องระบุตัวตน และปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล
แต่ในระหว่างนั้นเองกลับมีข่าวว่า Winter Soldier ออกมาสร้างความปั่นป่วน ทำให้บ้านเมืองที่กำลังอ่อนไหวต่อเหล่าผู้มีพลังพิเศษอยู่แล้ว กลับเพ่งเล็งยิ่งกว่าเก่า Steve Rogers จึงต้องออกสืบว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่
ต้องบอกเลยว่านี่คือหนัง Marvel ที่ดูแล้วกดดันที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะหนังพยายามหยอดปมเกี่ยวกับพ่อแม่ของ Tony Stark ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง พร้อมกับเล่าถึงความเสียหายที่ Avengers ก่อขึ้น
พ่วงด้วยเรื่องราวของการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของ Avengers ที่ Steve Rogers เองไม่เห็นด้วย ทำให้เรารู้สึกได้โทนหนังเรื่องนี้ดูซีเรียสยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา
Tony Stark ในหนังเรื่องนี้จะแตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ เขาจะไม่ได้ยิงมุกเสียดสีตลอดเวลา หรือทำท่าอวดดีให้คุณเห็น แต่จะมาพร้อมกับสีหน้าของคนอมทุกข์ตลอดทั้งเรื่อง และยิ่งมีความเห็นไม่ลงรอยกับ Steve ด้วยแล้ว ทำให้คนดูได้เห็นอีกภาคหนึ่งของเขาแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ในตอนแรกที่ Marvel ประกาศรายชื่อซุปเปอร์ฮีโร่ที่จะมาปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้ยาวเป็นหางว่าว ผู้คนส่วนใหญ่กังวลกันว่าหนังเรื่องนี้จะกลายเป็น Avengers 2.5 ไปหรือเปล่า? แต่เมื่อได้ดูจริงๆ แล้วก็พูดได้เต็มปากเลยว่านี่ยังคงเป็นหนังเดี่ยวของ Captain America อย่างแน่นอน
แต่ตัวละครที่โดดเด่นเทียบเคียง Captain America ก็คือ Iron Man นี่แหละ ด้วยปมเรื่องพ่อแม่ ความไว้เนื้อเชื่อใจและความเป็นฮีโร่ ทำให้หนังเรื่องนี้เน้นหนักไปที่ 2 ตัวละครเป็นหลัก จนเกือบจะกลายเป็น Captain America VS Iron Man เลยก็ว่าได้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เหมียวรู้สึกว่ามันบันเทิงและอยากจะกรี๊ดออกมาลั่นโรงเลยก็คือจังหวะการเปิดตัวของซุปเปอร์ฮีโร่แต่ละคนนี่แหละ เพราะเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปได้พักหนึ่ง ก็จะมีฮีโร่โผล่มาสมทบขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหมาะเจาะและลงตัวมาก แต่ละตัวละครยังคงมีความเป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับที่พวกเขาอยู่ในหนังเดี่ยวของตัวเอง เช่นความกวนโอ๊ยของ Scott Lang เป็นต้น
ในตอนแรกที่หนังใกล้ฉาย ทางค่ายหนังและโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่เริ่มมีการทำแคมเปญให้เราเลือกโหวตว่าจะอยู่ทีมไหนระหว่าง Iron Man และ Captain America
และเนื่องด้วยเนื้อหาในการ์ตูนที่จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้จนเสียชีวิต เราก็เลยเดากันไปต่างๆ นานาว่าในหนังเรื่องนี้จะเป็นไปตามหนังสือการ์ตูนหรือไม่? แต่ปรากฏว่าหนังกลับพยายามทำให้เราเลือกไม่ได้ เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น
แถมผู้กำกับพี่น้อง Russo ยังพยายามทำให้ผู้ชมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหนังจะประเคนอะไรมาให้เราบ้าง อย่างเช่นฉากการต่อสู้ที่ลานจอดเครื่องบิน ที่แต่ละคนปล่อย “ของ” กันออกมาให้เราชมกันคนละหมัดสองหมัด เช่นซีนที่ฮีโร่ตีกันเป็นคู่ๆ ซีนแปลงร่างของ Ant-Man หรือซีน แบบ “Star Wars ภาคโบราณ”
ด้วยความที่เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ตีกันคล้ายกับหนังค่ายตรงข้ามอย่าง Batman v Superman: Dawn of Justice ทำให้เกิดการเปรียบเทียบไปโดยปริยาย แต่เรื่องนี้ดูจะมีเหตุผลรองรับมากกว่าทั้งการทะเลาะกันและการหยุดตีกัน
แตกต่างจาก BvS ที่บทจะเลิกทะเลาะกันก็เลิกเอาซะดื้อๆ เพียงเพราะมีแม่ชื่อเดียวกันซะงั้น!? (มีอยู่ฉากหนึ่งที่ Winter Soldier พูดชื่อแม่ของ Steve ออกมา ผู้ชมในโรงรอบที่เหมียวไปดูถึงกับหลุดฮาครือ ส่วนหนึ่งอาจจะนึกถึงมุก ‘มาร์ธา’ ก็เป็นได้)
เหมียวรู้สึกว่าทาง Marvel พยายามจะแก้ข้อเสียที่มีแฟนๆ บ่นกันเข้ามามากมาย เกี่ยวกับตัวร้ายในหนังฮีโร่ทุกๆ เรื่อง ที่โผล่ออกมาแสดงพลังพิเศษแบบจัดเต็ม จากนั้นก็ถูกฮีโร่จัดการแล้วก็พ่ายแพ้ไปแบบโง่ๆ เกือบทุกเรื่อง
แต่คราวนี้ตัวร้ายไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร มีเพียงความฉลาดในการวางแผนให้ฮีโร่มาตีกันเองบวกกับความแค้นที่ตัวเองต้องสูญเสียคนรักไปเพราะฮีโร่ นั่นก็เพียงพอที่จะสร้างดาวร้ายคนใหม่อย่าง Baron Zemo ได้แล้ว แถมยังมีแววว่าจะกลับมาสร้างความปั่นป่วนอีกครั้งใน Avengers: Infinity Wars ด้วย
การปรากฏตัวของ Black Panther ถือเป็นอะไรที่น่าจดจำมาก เพราะต้องมาร่วมจออยู่กับเหล่า Avengers ที่บางตัวละครก็ฮาไม่บันยะบันยัง แต่เขาก็สามารถ Keep Look หรือลักษณ์ตัวละครที่เข้มๆ ขรึมๆ เอาไว้ได้ และดูเป็นตัวละครที่เป็นเอกเทศน์ออกมาจาก Avengers ด้วย
ถือเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากที่ Marvel สามารถเจรจาและนำ Spider-Man มาร่วมก๊วนฮีโร่ร่วมกับพี่ๆ ในค่ายได้ เพราะเขาช่วยสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้มากทีเดียว และหากใครคิดว่าจะโผล่มาแป๊บๆ ล่ะก็ ขอบอกว่าผิดคาดมาก มีฉากให้ไอ้หนูสไปดี้โชว์พาวเยอะมากจริงๆ
และการลดอายุของ Peter Parker ลงมาให้กลายเป็นเด็กมัธยมก็ทำให้เขาได้เห็นการปฏิบัติภารกิจของเหล่า Avengers และมองพวกเขาเป็นเหมือนไอดอล
บวกกับความคลั่งไคล้ทำให้เจ้าตัวเอาแต่พล่ามถึงกลุ่มฮีโร่ไม่หยุด ประหนึ่งเป็นตัวแทนของคนดู ที่อยากจะพูดอยากจะชื่นชมซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจเหมือนกับที่ Peter ทำอยู่เลย
นับว่าเป็นความกล้ามาก (อีกครั้ง) ที่ Marvel ตัดสินใจดำเนินเนื้อเรื่องแบบนี้ ทำให้หลังจากเหตุการณ์ใน Civil Wars เหล่า Avengers คงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เราคงต้องติดตามหนัง Black Panther และ Avengers: Infinity War – Part I ที่มีกำหนดฉายในช่วงต้นปี 2018 ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?
เรีนยเรียงโดน เหมียวฟิ้น
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.