ถ้าใครเคยเรียนในระดับปริญญาเอกจะเข้าใจดีกว่า กว่าจะทำวิทยานิพนธ์เสร็จเรื่องหนึ่งต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทขนาดไหน และถ้าวิทยานิพนธ์เรื่องนั้นถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลงี่เง่าล่ะก็ ผู้เขียนจะรู้สึกตะเตือนใตขนาดไหนคงพอเป็นที่คาดเดาได้
อย่างเช่นเรื่องราวของคุณยายวัย 102 ปีคนนี้ เธอต้องรอเกือบ 80 ปีเลยทีเดียวกว่าเธอจะจบปริญญาเอก หลังจากวิทยานิพนธ์ของเธอถูกแบนโดยพวกนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!
คุณยายคนนี้มีชื่อว่า Ingeborg Syllm-Rapoport ในช่วงปี 1938 ตอนนั้นเธอในวัย 25 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปริญญาเอก และเพิ่งทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องโรคคอตีบ (Diphtheria) เสร็จ เหลือเพียงแค่สอบวิทยานิพนธ์กับอาจารย์ประจำภาควิชา เธอก็จะจบด็อกเตอร์โดยสมบูรณ์แล้ว
แต่ด้วยความที่ช่วงนั้น กลุ่มนาซีเยอรมันกำลังครองเมืองหลังจากการขึ้นสู่อำนาจของอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ มหาวิทยาลัยของเธอซึ่งเป็นฝ่ายโปรนาซีเช่นกัน ก็ได้ประกาศห้ามไม่ให้เธอสอบวิทยานิพนธ์ เพียงเพราะว่าแม่ของเธอเป็นชาวยิว?!?
หลังจากนั้นไม่นานเธอกับสามีก็อพยพมายังอเมริกาในทันที เพราะกลัวในนโยบายต่อต้านชาวยิวของรัฐบาลนาซีในช่วงนั้น ซึ่งต้องบอกว่าเธอคิดถูกจริงๆ ไม่งั้นเธอคงได้ไปนอนในค่ายกักกันซักแห่งแน่นอน
แต่เรื่องราวชีวิตในอเมริกาไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น เพราะมหาลัยในเยอรมันไม่ยอมอนุมัติการจบปริญญาเอกของเธอ ทำให้เธอไม่มีอะไรยืนยันว่าเธอจบปริญญาเอกจริงๆ ดังนั้นเธอจึงต้องมาเรียนซ้ำอีกทีในอเมริกา เพื่อให้ได้วุฒิไปสมัครงาน
พอสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง เธอก็ย้ายกลับไปยังเยอรมัน ต่อมาเธอกลายเป็นอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสาขาเกี่ยวกับทารกแรกเกิดและได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูงในโรงพยาบาล Charité ในประเทศเยอรมันนี
ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยฮัมบูรก์ผู้เคยปฏิเสธการสอบวิทยานิพนธ์ของเธอเมื่อ 80 ปีก่อน ได้นำวิทยานิพนธ์ของเธอขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง และมีการส่งอาจารย์สามท่านไปยังบ้านของคุณยาย Rapoport เพื่อทำการสอบวิทยานิพนธ์
จนท้ายที่สุดแล้ว วิทยานิพนธ์เล่มนั้นก็ผ่านการสอบซักที และเธอก็ได้รับใบปริญญาเอกที่เธอรอมากว่า 80 ปี โดยทางมหาวิทยาลัยก็ได้มอบปริญญาเอกเป็นกรณีพิเศษในวันที่ 21 กรกฎาคม 2015 ที่ผ่านมานี่เอง
“ฉันมีความสุขมาก อย่างน้อยทางมหาวิทยาลัย ก็พยายามแก้ไขในสิ่งที่พวกเขาทำผิดพลาดไปในอดีต และในที่สุดความอดทนของฉันก็ได้รับผลตอบแทนซักทีนะ” คุณยาย Rapoport กล่าว
กว่าจะได้ก็รอกันเกือบค่อนชีวิตเลยทีเดียว ยังไง #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะฮะ ในที่สุดความพยายามของคุณยาย ก็ไม่เสียเปล่าซักที
ที่มา independent
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.