รู้จัก Franco Ferrada ชายผู้กระโดดให้สิงโตกิน แท้จริงแล้ว… เขาอาจเป็น ‘คนน่าสงสาร’ คนหนึ่ง!?

กลายเป็นข่าวน่าสะเทือนใจระดับโลกเลยทีเดียว เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ประเทศชิลี เกิดเหตุการณ์ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงไปในกรงสิงโตเพื่อให้ถูกกิน จนเจ้าหน้าที่ต้องวิสามัญสิงโตสองตัวเพื่อช่วยชีวิตชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมา

อ่านข่าวที่:หนุ่มแก้ผ้ากระโดดลงไปในกรงสิงโตหวังฆ่าตัวตาย สุดท้ายสวนสัตว์ต้องจำใจฆ่า 2 สิงโตเพื่อช่วยคน

2

 

หลายคนอาจสงสัยวว่าเขาเป็นใคร และมีเหตุผลอะไร เขาจึงทำเรื่องเหล่านี้ลงไป เพียงเพราะเขาเป็นคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้นหรือ!? ไม่หรอก เขาก็เป็นคนคนหนึ่งนี่แหละ…

ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Franco Ferrada วัย 20 ปี เขาเป็นชาวชิลีโดยกำเนิด เกิดในครอบครัวที่มีพี่น้อง 9 คน ครอบครัวมีความสุขดี จนกระทั่ง…

เมื่อเขาอายุได้ 11 ปี แม่ของเขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคมะเร็งเต้านม และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา!!

 

1

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อของเขาก็เสียศูนย์ไปเลย พ่อกลายเป็นคนติดเหล้าและไม่ยอมเลี้ยงดูลูกทั้ง 9 คน จนทั้งหมดต้องถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยเหตุนี้ Franco ไม่เคยให้อภัยพ่อตัวเองที่ทิ้งเขาและพี่น้องไปอย่างนั้น

Franco ใช้ชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถึงอายุ 18 ปี เขาก็สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ไปประจำการที่ฐานทัพ Coyhaique ในเขต Aysen

ที่น่าแปลกใจก็คือ เพื่อนๆ ทุกคนในค่ายทหารบอกว่า เขาเป็นคนที่มีความสุขและร่าเริงอยู่เสมอ!!!

 

3

 

“เขาเป็นคนที่ท่าทางมีความสุขมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเขามีอาการทางประสาท”  Gonzalo Molina เพื่อนร่วมงานสมัยเป็นทหารของ Franco กล่าว

หลังจากที่เขาปลดประจำการในปี 2014 เขาก็ก็ย้ายมาอยู่ในเมือง Santiago พร้อมๆ กับเพื่อนวัยหนุ่มอีกหลายคน และทำงานอยู่ในโรงงานของบริษัทจากประเทศจีนโรงงานหนึ่ง

 

4

 

แต่ย่าของเขา Nolbertina Muñoz กล่าวว่า Franco ยังคงยึดติดกับการเสียชีวิตของแม่อยู่เสมอ แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว

“การตายของแม่ถือว่าเป็นเรื่องทียากลำบากสำหรับเขามาก หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเป็นกังวลต่อการดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องของตนเองเป็นอย่างมาก” Nolbertina กล่าว

“เขามาหาฉันเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน และก็ยังดูมีความสุขดี”

 

5

 

ขณะที่ทุกคนคิดว่า Franco เป็นปกติดี เขาก็ค่อยๆ เปิดเผยปัญหาทางด้านจิตใจผ่านทางข้อความบนเฟสบุ๊ค อย่างเช่นในช่วงวันแม่ของประเทศชิลี เขาได้เขียนบรรยายในเฟสบุ๊กว่า

“แม่ครับ เป็นเวลา 9 ปีแล้วนับตั้งแต่แม่ไปอยู่ในอ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้า ผมจำความเสียสละที่แม่ทำเพื่อผมและพี่น้องได้เสมอ ผมจะทำยังไงให้แม่กลับมาอยู่กับผมตอนนี้ รักผม กอดผม จูบผม มอบความอบอุ่นให้ผม เหมือนตอนที่ผมเพิ่งเกิด”

 

3479D2C100000578-3602819-image-a-5_1463873354283

 

หลังจากนั้นเขาก็โพสข้อความแปลกๆ อีกสองสามครั้งเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง และอีกไม่กี่วันต่อมา เขาก็กระโดดเข้าไปให้สิงโตกินซะแล้ว

มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ขณะที่เขาเข้าไปอยู่ในกรงสิงโตนั้น เขาตะโกนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าออกมา และเมื่อมีการตรวจค้นเสื้อผ้าของเขา ก็พบว่ามีข้อความเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตาย

วิธีการฆ่าตัวตายของเขานั้น พ้องกับเรื่องราวตำนานที่บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลของ Daniel หนึ่งในสาวกผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากเทวดา หลังจากโดนโยนลงไปในกรงสิงโต….

พอจะจับประเด็นกันได้ไหม…. เมื่อคนขาดที่พึ่งสุดๆแล้ว การหันเข้าหาศาสนาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ในบางกรณีของผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต การนับถือศาสนาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว อาจจะเลยเถิดไปจนถึงอาการ ‘คลั่งศาสนา’ และนั่นเอง เหตุผลที่คิดว่าการกระโดดลงไปในกรงสิงโต เป็นทางออกที่จะมีเทวดามาช่วยเหลือ

 

Daniellion

 

จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ปัญหาทางจิตไม่ใช่เรื่องสามารถมองข้ามได้อีกต่อไป แม้กระทั่งคนที่มีท่าทางร่าเริง ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่มีปัญหาอาการทางจิต

ลองคิดถึงภาพ ‘คนขาดที่พึ่ง’ แถมยังมีความเครียดอยู่ในใจอย่างหนัก ขณะที่อยู่กับคนอื่นก็พยายามทำตัวเหมือนมีความสุขตลอดเวลา ไม่อยากให้เขาเศร้าไปด้วย จะกดดันขนาดไหน!?

และหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม คนเหล่านั้นอาจทำให้เกิดความสูญเสียต่อตัวเองและผู้อื่นได้ ดั่งเช่น สิงโตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่สองตัวนั้นนั่นเอง…

 

emo9

เพิ่มเติม: สำหรับใครที่อยากรู้อาการของเขา ตอนนี้แพทย์บอกว่าเขาไม่ต้องใช้เครื่องช่วยชีวิตแล้ว แม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ก็มาถึงแพทย์ได้ทันท่วงที ทีมแพทย์พยายามช่วยชีวิตเขาและหวังว่าเขาจะดีขึ้น และหายดีในอนาคต

เมื่อเขาหายเป็นปกติ คงถูกฟ้องตามกฎหมายในข้อหาละเมิดกฎสวนสัตว์ กระโดดลงไปในบ่อสิงโต และนำไปสู่การสูญเสีย ขณะเดียวกันก็อาจจะได้รับการเข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจเช่นกัน

เราก็หวังว่าสังคมจะมีทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาได้นะ….

ที่มา Dailymail

Comments

Leave a Reply