ตลอดระยะเวลากว่า 5,000 ปีของประวัติศาสตร์มนุษย์ มีศาสนาและลัทธิต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายๆ ศาสนาก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติ แต่ก็มีบางศาสนาที่นำผู้ศรัทธาไปพบกับโศกนาฏกรรมอันน่าสยอดสยอง
อย่างเช่นลัทธิสุดสยอง “Peoples Temple หรือ วิหารแห่งปวงชน” ที่เคยหลอกให้ผู้ศรัทธากว่า 900 คนฆ่าตัวตายพร้อมๆ กัน จนกลายเป็นข่าวสุดสะเทือนใจไปทั่วโลก
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ดังกล่าวต้องย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931 “จิม โจนส์” เด็กชายชาวรัฐอินเดียแอน่าถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวอันอบอุ่นครับครัวหนึ่ง
ในสมัยเด็กเขาชอบอ่านงานเขียนของนักปรัชญายุคเก่าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานของ คาร์ล มาส์ก หรือ เซอร์โทมัส มอร์ โดยเฉพาะเรื่อง “ยูโทเปีย” หรือ “ดินแดนในอุดมคติ” ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน
และความเชื่อนี้เอง ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งกับพ่อของตนเองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่พ่อของเขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม “คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan)” กลุ่มเหยียดสีผิวชื่อดัง
โดยครั้งหนึ่ง จิม พาเพื่อนผิวสีมาที่บ้าน แต่พ่อของเขากลับไม่อนุญาตให้เพื่อนผิวสีคนนนั้นเข้าไปภายในบ้าน ทำให้เขาเกิดความรู้สึก “เวทนา” ต่อเพื่อนร่วมโลกต่างสีผิวเป็นอย่างมาก
เมื่อเขาโตขึ้น เขาจึงก่อตั้งลัทธิ Peoples Temple ขึ้นมา โดยหลักการของลัทธินี้ก็คือ ทุกคนเท่าเทียมโดยไม่มีการแบ่งแยกรวยจน สีผิว หรือเชื้อชาติ (คล้ายกับหลักการคอมมิวนิสต์) ซึ่งด้วยทักษะการจูงใจชั้นเยี่ยมของเขา ทำให้มีผู้ศรัทธาในลัทธินี้มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มชนผิวสี ที่เป็นดั่งพลเมืองชั้นสองในเวลานั้น
ต่อมาเขาได้รวบรวมเงินบริจาค ซื้อที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้เพื่อสร้างเมืองในอุดมคติของเขาที่ชื่อว่า โจนส์ทาวน์ (Jonestown) โดยมีผู้อยู่อาศัยเป็นเหล่าผู้ศรัทธาในลัทธิ ส่วนตัว จิม โจนส์ ก็กลายเป็นผู้ปกครองเมืองนั้น
ทุกคนในเมืองต้องทำงานเท่ากันและแบ่งปันผลประโยชน์เท่ากัน โดยไม่มีการเอาเปรียบแต่อย่างใด
จากภายนอกดูเหมือนสมาชิกทุกคนในเมืองใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ความจริงแล้วทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก การแบ่งปันอาหารเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย ผิดกับ จิม โจนส์ ที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย รวมทั้งมีการมั่วเซ็กส์และยาเสพติดอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น จิม โจนส์ กลายเป็นกฎของเมือง เขาได้ออกข้อห้ามต่างๆ มากมายเช่น ห้ามแสดงออกถึงความรักในที่สาธารณะ ห้ามออกจากเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม (หนักสุดถึงตาย)
ต่อมาทางสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริการู้สึกเป็นกังวลต่อเมืองโจนส์ทาวน์แห่งนี้เป็นอย่างมาก พวกเขาจึงส่งวุฒิสมาชิกท่านหนึ่งชื่อว่า ลีโอ ไรอัน เข้าไปตรวจเยี่ยมเมืองนี้ หลังจากได้ยินเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อท่านวุฒิสมาชิกไรอันมาถึง จิม โจนส์ก็เตรียมการจัดฉากต้อนรับเป็นอย่างดี จนวุฒิสมาชิกไรอันแทบไม่เห็นความวิปริตของเมืองนี้ แต่ในระหว่างนั้น มีสมาชิกในหมู่บ้านหลายคน พยายามแอบขอให้วุฒิสมาชิกไรอัน พาพวกเขาออกไปจากเมืองนี้ที ซึ่งทางวุฒิสมาชิกก็จัดการเตรียมพาสมาชิกเหล่านั้นออกไป
แต่ในช่วงวันท้ายๆ มีสมาชิกในหมู่บ้านชื่อว่า ดอน สไลน์ พยายามใช้มีดทำร้ายท่านวุฒิสมาชิก ฐานเข้ามาจุ้นจ้านเรื่องราวในเมืองโจนส์ทาวน์มากเกินไป เมื่อเจอดังนั้น ท่านวุฒิสมาชิกจึงรีบเดินทางออกหมู่บ้านเพื่อกลับสหรัฐฯ ทันที
แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะจิม โจนส์ ได้ส่งสมุนมือดี ไปจัดการคณะตรวจสอบของท่านวุฒิสมาชิกที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าครึ่งของคณะตรวจการถูกยิงเสียชีวิตที่สนามบินรวมทั้งนักข่าวจากสำนักข่าวเอ็นบีซีอีกด้วย
โชคดีที่นักบินผู้เห็นเหตุการณ์สามารถแจ้งเรื่องดังกล่าวไปทางวิทยุการบินได้ทัน ทำให้โลกได้รับรู้ความบ้าคลั่งของเมืองนี้เป็นที่เรียบร้อย
เมื่อจิมทราบว่าวุฒิสมาชิกไรอันเสียชีวิตแล้ว เขารู้ว่าอีกไม่นาน ทางสหรัฐฯ ต้องส่งคนมาจัดการเขาแน่นอน เขาจึงประกาศให้ทั้งเมือง เริ่มพิธีการที่ซักซ้อมกันมาอย่างยาวนานซักที นั่นก็คือ การฆ่าตัวตายหมู่
โดยเขาประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้านว่า อีกไม่นานจะมี ผู้ไม่ประสงค์ดีกระโดดลงมาจากท้องฟ้า แล้วกราดยิงทุกคนอย่างไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ และจะทรมานทุกคนอย่างหนักก่อนจะฆ่าให้ตายด้วย ฉะนั้นทุกคนต้องชิงฆ่าตัวตายก่อนจะได้ไม่ทรมาน และการฆ่าตัวตายครั้งนี้ จะทำให้พวกเขาได้ไปอยู่ในดินแดนอีกแห่งที่ผาสุขกว่าเดิม
ซึ่งภายหลังมีการเปิดเทปบันทึกเสียงภายในหมู่บ้าน พบว่าจิมได้แจกจ่ายไวน์องุ่นผสมยาพิษ “ไซยาไนด์ (Cyanide)” ให้กับทุกคนได้กิน ซึ่งแม้ไซยาไนด์จะเป็นยาพิษร้ายแรง แต่ก็ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกทุกข์ทรมาณอย่างถึงที่สุด ก่อนจะเสียชีวิต
มีการบันทึกเสียงที่จิมกล่าวชักจูงให้พ่อแม่กรอกยาพิษให้ลูกกิน ก่อนที่จะให้ตัวเองกินตาม ซึ่งระหว่างที่จิมพูดนั้น ก็มีเสียงกรีดร้องอันทรมานของเด็กๆ ที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะยาพิษเข้ามาแทรกเป็นระยะๆ
นอกจากนี้เขายังบอกว่า การตายครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นความตายที่บริสุทธิ์อีกต่างหาก
ภาพแรกที่หน่วยงานจากภายนอกเข้ามาเห็นหลังจากเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่ คือซากศพหลายร้อยซากนอนเรียงกันอย่างระเกะระเกะ บ้างก็เป็นศพพ่อแม่ลูกนอนกุมมือกัน บ้างก็เป็นคู่รักนอนกอดกัน ส่วนจิม นอนเสียชีวิตอยู่ข้างปะรัมพิธีของตนเอง โดยมีรูกระสุนอยู่บนหัว
สรุปเหตุการณ์แล้ว มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 914 ศพ ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ภายหลังมีการชันสูตรศพจิม พบว่าในร่างกายเขามีสารเสพติดอยู่สูงมาก ซึ่งถ้าเป็นคนปกติคงจะตายไปแล้ว นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาก่อเรื่องราวสุดสะเทือนขวัญนี้ก็เป็นได้
ที่มา Wikipedia
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.