ชมภาพพัฒนาการ และความเปลี่ยนแปลงของแฟชั่น “การแต่งเล็บ” ตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา

ตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าเทรนด์แฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หน้าผม มักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเทรนด์แฟชั่นการแต่งเล็บ ก็มีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาไปตามยุคสมัยเช่นกัน

และในครั้งนี้เหมียวขี้อ้อนก็ได้นำภาพ 100 ปีพัฒนาการของศิลปะการแต่งเล็บตั้งแต่ปี 1916 จนถึงปี 2016 ที่จัดทำขึ้นโดยช่องยูทูป Mode มาให้ได้ชมกัน โดยเริ่มจาก…

 

ปี 1916 เป็นเทรนด์การแต่งเล็บที่ตัดให้สั้น ดูสะอาดตา และปราศจากน้ำยาทาเล็บ

Nail Trends 1

 

ต่อมาในปี 1936 บริษัท Revlon ได้เริ่มทำการผลิตน้ำยาทาเล็บสีสันสดใสออกมา และนั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทรนด์การทำเล็บ โดยลักษณะการแต่งเล็บที่ได้รับความนิยมในสมัยนั้นคือ การแต่งเล็บแบบพระจันทร์เสี้ยว

Nail Trends 2

 

การทาเล็บสีแดงเข้ม และตัดแต่งให้เป็นรูปทรงอัลมอนด์ ถือเป็นเทรนด์การทำเล็บที่สวยที่สุดในปี 1940-1950

Nail Trends 3

 

แฟชั่นสไตล์ “mod” และการแต่งเล็บสีชมพูสไตล์บางแบบสาวทวิกกี้ เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 60s

Nail Trends 4

 

เล็บสไตล์ดิสโก ที่มีลักษณะยาว ดูมีประกายสวยงาม ถือเป็นแฟชั่นเล็บที่สวยเก๋ที่สุดในปี 1976

Nail Trends 5

 

ในยุค 1980 แฟชั่นการทำเล็บเริ่มมีการพัฒนาขึ้น โดยเปลี่ยนมาเป็นการทาเล็บสีนีออน ตัดกับสีโทนมืด ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ

Nail Trends 6

 

ต่อมาในช่วงปี 1996 เทรนด์การแต่งเล็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การแต่งเล็บสไตล์ Grunge เป็นการทำเล็บที่มีลักษณะตัดสั้น และทาเล็บสีดำ แต่มีความแวววาว

Nail Trends 7

 

ในปี 2000 เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการแต่งเล็บแบบฝรั่งเศส (French manicure) ซึ่งเป็นเทรนด์การทำเล็บที่สาวๆ มักคุ้นตาเป็นอย่างดี โดยจะตัดเล็บให้สั้น แล้วทาสีขาวเฉพาะบริเวณปลายเล็บ

Nail Trends 8

 

และสุดท้ายเทรนด์การทำเล็บในยุคปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่สาวๆ จะนิยมทาเล็บสีนู้ด แล้วนำกากเพชรมาประดับเพื่อเพิ่มความเก๋ไก๋ และทำให้เล็บดูมีความระยิบระยับแวววาว

Nail Trends 9

 

หมดแว้ววววว

Nail Trends 10

 

ไปชมคลิปกันบ้างดีกว่า

 

เรียกได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เทรนด์แฟชั่นการแต่งเล็บได้เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว แต่เหมียวขี้อ้อนคิดว่าสวยทุกยุคทุกสมัยเลยจริงๆ แล้วคุณละชอบแฟชั่นการทำเล็บแบบไหนมากที่สุด

ที่มา : buzzfeed

Comments

Leave a Reply