[วิจารณ์ส่งเดช] Warcraft ที่สามารถลบล้างคำสาปว่า “หนังจากเกมมันห่วย” ได้หมดจด!!

ไม่ว่าจะเป็นหนังกี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็ตามที่สร้างโดยอิงเรื่องราวมาจากเกมดังๆ ก็มีอันต้องโดนคำสาป “หนังจากเกม” ไปซะทุกเรื่อง ทำให้หนังที่ได้ ดูขาดๆ เกินๆ จะดึงความเป็นตัวเกมมาเล่าทั้งหมดก็กลัวคนดูหนังจะไม่รู้เรื่อง หรือจะเล่าให้กลายเป็นหนังเต็มๆ ก็กลัวจะโดนแฟนเกมก่นด่า (ซึ่งจริงๆ มันหาตรงกลางร่วมกันได้นะ)

 

0

 

และล่าสุดกับ Warcraft หนังที่สร้างมาจากเกมชื่อดังของค่าย Blizzard ก็ได้ถูกสตูดิโอ Universal ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นหนัง แม้ว่าตัวหนังจะยังไม่ออกฉายดี แต่ก็ถูกแฟนๆ (รวมถึง#เหมียวฟิ้นด้วย) ตราหน้าไว้ว่าอาจจะเป็นหนังแป้ก แต่พอได้ดูจริงๆ แล้วขอบอกเลยว่ามันสนุกมาก!!

 

warcraft (1)

 

หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองแอเซอร์รอธ เมืองที่มนุษย์อาศัยร่วมกันอย่างสงบ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเหล่าออร์คเดินทางข้ามประตูมิติเข้ามาเพื่อตั้งรกรากและยึดครองดินแดนแห่งนี้ เหล่ามนุษย์จึงต้องร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับออร์คผู้มีพลังและจำนวนมหาศาล

 

warcraft (2)

 

Warcraft ในเกมนั้นเป็นแนววางแผนการรบ แม้ว่าเราจะไม่ใช่แฟนเกมตัวยงแต่ก็พอจะเคยเห็นภาพการเล่นมาบ้าง ซึ่งตัวหนังก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ฉากต่อสู้ระยะประชิดสะใจสุดๆ มีฉากการสู้รบแบบกองทัพคล้ายกับในเกม เมื่อมีการใช้พลังวิเศษโจมตีใส่คู่ต่อสู้ ก็จะทำให้เราหวนนึกถึงการใช้พลังในเกมแบบเดียวกันเด๊ะ

 

warcraft (3)

 

หนังเรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องราวแฟนตาซี มีออร์ค มีพ่อมด สัตว์วิเศษ พลังเวทย์มนต์ แต่มันก็แฝงไปด้วยท่าทีจริงจัง โดยที่ตัวหนังจะแสดงให้เห็นถึงการสูญเสียจริงๆ มีตัวละครหลายๆ ตัวได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย คล้ายกับการเล่นเกมจริงๆ ที่ต้องมีการสูญเสียตัวละคร ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่หนังแอ็คชั่นทั่วๆ ไป ที่ตัวละครเอกจะโกงความตายได้แน่ๆ

 

warcraft (4)

 

ส่วนที่ทำให้#เหมียวฟิ้นงงๆ เล็กน้อยก็คือชื่อของตัวละคร เพราะเนื่องจากเป็นหนังแฟนตาซี ทำให้ชื่อต่างๆ ต้องแฟนตาซีไปด้วย เราก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ว่าตัวละครไหนชื่ออะไร อาจจะเพราะว่าเราไม่ใช่แฟนเกมหรือเปล่าเลยจำชื่อพวกเขาไม่ค่อยได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร (แค่เวลาเอาไปคุยกับเพื่อนแล้วจะนึกหน้าไม่ออกเท่านั้น)

 

warcraft (6)

 

ถึงแม้จะมีข้อดีขนาดไหนก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง เช่นฉากบางฉากที่ควรจะนานกว่านี้อีกนิด เช่นซีนอารมณ์ หรือฉากแอ็คชั่นบางฉาก ตัวหนังดันตัดฉึบฉับเหมือนรีบๆ เล่าให้จบ อาจจะเพราะว่าตัวหนังยาวถึง 123 นาที อยู่แล้วหากเล่าช้ากว่านี้อาจจะทำให้หนังนานขึ้นไปอีก

 

warcraft (5)

 

ดูจากตัวอย่างหนังแล้วคาดว่าหนังเรื่องนี้คงมีงาน CG ที่สวยงามไม่น้อย ซึ่งเมื่อได้ดูจริงๆ แล้วก็ตื่นตาตื่นใจจริงๆ ออร์คดูเป็นออร์คจริงๆ สัตว์วิเศษต่างๆ บ้านเมือง หรือแม้แต่ฉากการใช้เวทย์มนต์ต่างๆ ก็ดูเจ๋งมาก แต่ก็มีบางช่วงที่ CG ดูลอยมากกก จนรู้สึกขัดหูขัดตาเลยก็มี

 

warcraft (7)

 

สุดท้ายนี้เหมียวฟิ้นอยากให้ทุกคนทำใจว่างๆ แล้วไปดูกัน ลองไปพิสูจน์กันว่า “หนังจากเกม” เรื่องนี้มันดีจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่คำยกยอจากนักวิจารณ์มือสมัครเล่นคนหนึ่งเท่านั้น?

ปล.หนังมีภาคต่อแน่ๆ

gaming-emo11

เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น

Comments

Leave a Reply