นับว่าเป็น 3 ปีที่ยาวนานมากเลยทีเดียว กว่าที่ The Conjuring ภาค 2 จะกลับมาสานต่อเรื่องราวในภาคแรก นั่นก็เพราะว่าในภาคแรกนั้นทำไว้ดีมากเหลือเกิน และ#เหมียวฟิ้นก็อยากจะรู้แล้วว่าคู่สามีภรรยาวอร์เรนจะพากันไปปราบผีที่ไหนอีก? และตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว!!
The Conjuring 2 กลับมาเล่าเรื่องราวของลอร์เรนและเอ็ด วอร์เรน คราวนี้พวกเขาได้รับภารกิจใหม่ให้เดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีครอบครัวคุณแม่ลูก 4 กำลังถูกตามรังควานด้วยสิ่งลี้ลับ ที่พยายามจะขับไล่พวกเขาออกจากบ้าน
ทั้งลอร์เรนและเอ็ดจึงต้องสืบหาว่าวิญญาณร้ายตนนั้นเป็นใคร ในขณะเดียวกันลอร์เรนก็ได้รับนิมิตบางอย่างที่บอกถึงอันตรายที่อาจจะทำให้สามีของเธอจากไปตลอดกาล เธอจึงพยายามอยู่ให้ห่างจากคดีลี้ลับเหล่านี้ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นต้องไปติดตามชมแบบเต็มๆ ในเรื่องนะ
หนังยังคงกำกับด้วยสไตล์เดิมของผู้กำกับ James Wan ที่ไม่ได้เอาแต่เล่นมุกผีตุ้งแช่ และเสียงดังๆ ให้เราได้หลอนกัน แต่ใช้ “วัตถุ” ต่างๆ ในการหลอกล่อคนดู จนทำให้รู้สึกว่าวัตถุเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในบ้านหลังนั้นมันน่ากลัวไปหมด แม้จะไม่มีผีให้เห็นสักตัวเลยก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่#เหมียวฟิ้นสังเกตเห็นและรู้สึกชอบก็คือ บ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่ค่อนข้างเล็ก แต่ผู้กำกับก็แก้ไขปัญหาโดยการทำให้มุมต่างๆ ภายในบ้านดูมืดหรือกลายเป็นมุมอับ
และนี่เองทำให้จินตนาการของเราพยายามคิดว่า “มันจะมีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า” ซึ่งหลายครั้งก็มี หลายครั้งก็ไม่มี ทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกที่ได้พยายามมองหาสิ่งต่างๆ ไปพร้อมกับตัวละคร
และอย่างที่บอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผีตุ้งแช่ เพราะมันมีมุกหลอกเราแบบใหม่ๆ ที่บางครั้งตัวละครผีก็โผล่มาให้เราเห็นซึ่งๆ หน้า แต่ไม่ตุ้งแช่ บางครั้งหนังพยายามเล่นกับมุมภาพ ที่เหมือนจะหลอกเราแต่ก็ไม่หลอก บางทีเหมือนไม่หลอกแต่ก็หลอก (งงไหม?)
เนื่องจากนี่เป็นหนังภาคต่อ ผู้กำกับเลยพยายามลงลึกถึงความสัมพันธ์ของ 2 สามีภรรยานักปราบผี ที่มีการแสดงความรัก ความเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน
ตรงนี้เองทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละคร 2 ตัวนี้มากขึ้นและรู้สึกว่ามันยังคงเป็นหนังที่เชื่อมกับภาคแรก แต่บางคนอาจจะมองว่ามันเยิ่นเย้อไป อันนี้ก็แล้วแต่บุคคลนะ
อีกสิ่งที่อยากจะชื่นชมเลย (บวกอวย) ก็คือน้อง Madison Wolfe ที่รับบทเป็นเจเน็ต ฮอดจ์สัน นี่แหละ เพราะถึงจะเป็นหนังผี ที่ไม่ได้ต้องเน้นพลังการแสดงเท่าหนังรักหรือหนังดราม่า แต่น้องก็ทำได้ดีมาก ทั้งการแสดงเป็นคนที่กำลังหวาดกลัว หรือตอนที่… ก็ทำได้ดีมาก จนอยากจะปรบมือให้เลย
หนังยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 13 นาที แต่เหมือนกับหนังสั้นแค่ชั่วโมงครึ่งเอง ดูแล้วไม่อยากให้จบเลย และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือคำบอกเล่าของ#เหมียวฟิ้นหลังจากที่ได้ไปดูหนังมาล่ะ ใครอยากรู้ว่าที่เขียนมาทั้งหมดนี้จริงหรือไม่จริง ต้องไปพิสูจน์กันเอาเองนะ
เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.