เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ล่าสุดในประเทศตุรกีที่มีทหารกลุ่มหนึ่งได้พยายามทำรัฐประหารโดยส่งกำลังไปยึดส่วนต่างๆ ในทั้งอิสตันบูล เมืองหลวงของประเทศ และอังการา อีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญของประเทศนี้…
Peace at Home Council กลุ่มที่ต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพตุรกีได้กล่าวว่า ‘กองทัพของประเทศได้เข้าควบคุมหนุ่วยงานสำคัญต่างๆ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพของพลเมือง กฎหมาย รวมไปถึงความปลอดภัยทั่วไปในชีวิต’
ประชาชนของประเทศก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ยอมให้ทหารทำการรัฐประหารง่ายๆ โดยรวมตัวกันประท้วงเพื่อสนับสนุนประธานาธิบดี Tayyip Recep Erdogan ที่กำลังดำรงตำแหน่ง (แม้บางคนจะไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ไม่ยอมให้ยึดอำนาจไปจากประชาชน) วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปชมประวัติของการรัฐประหารในประเทศตุรกีกันล่ะ ลองมาดูกันเลย!!!
ตั้งแต่ปี 1960 ประเทศตุรกีเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพถึง 5 ครั้งด้วยกัน!!!
1. การรัฐประหารในปี 1960 : ทางกองทัพของประเทศได้เข้าทำรัฐประหารในวันที่ 27 พฤษภาคม เนื่องจากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน กรณีมีนโยบายผ่อนปรนกฎต่างๆ ทางศาสนา แต่หันไปเคร่งครัดกับสื่อแทน ในเหตุการณ์นี้นายกรัฐมนตรีของประเทศ Adnan Mederes ถูกจับประหาร
ภาพประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ
2. การรัฐประหารในปี 1971 : สภาพของประเทศตุรกีในตอนนั้นกำลังตึงเครียดอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมกำลังระอุ ทางหัวหน้าคณะรัฐประหารได้ทำข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรีของประเทศ ซึ่งต่อมาได้ทำการยุบสภาและลาออก ทำให้ทหารเข้าควบคุมอำนาจตั้งแต่นั้น…
ประชาชนชาวตุรกีที่ออกมาประท้วงตามสถานที่ต่างๆ เพื่อขัดขวางการทำรัฐประหาร
3. รัฐประหารปี 1980 : ทางกองทัพได้เข้าควบคุมและประกาศการรัฐประหารผ่านช่องทีวีของประเทศโดยให้เหตุผลว่าประเทศมีความตึงเครียดทางเศรษฐกิจสูงอยู่มาก ถึงแม้ว่าภายหลังคณะรัฐประหารนี้จะนำความสงบเรียบร้อยมาสู่ประเทศบ้าง แต่ก็มีเรื่องที่ถูกครหาอยู่หลายประการ
ทั้งประชาชนหลายพันคนที่ถูกควบคุมตัวแม้จะเป็นสาเหตุเล็กๆ หลายสิบคนถูกประหารชีวิต และอีกหลายคนที่ถูกจับไปทรมาน หรือถูกอุ้มหายตัวไปเฉยๆ เรียกได้ว่าเป็นการรัฐประหารที่นองเลือดที่สุดของประวัติศาสตร์ประเทศ ที่น่าแปลกก็คือมีประชาชนหลายคนเลยทีเดียวเห็นว่าการรัฐประหารครั้งนี้จำเป็น เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพของประเทศ
ตำรวจเข้าจับกุมทหารที่กระทำการรัฐประหาร
4. การรัฐประหารในปี 1997 : เรียกได้ว่าเป็นการกระทำข้อตกลงกันอย่างสงบมากกว่า นายกรัฐมนตรีในตอนนั้นยอมรับข้อเสนอเรื่องนโยบายที่ทางทหารเสนอ และลาออกหลังจากนั้น ถือเป็นการรัฐประหารหลังสมัยใหม่เลยก็ว่าได้
5. การแทรกแทรงทางการเมืองด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ปี 2007 : เป็นการโพสต์ข้อความออนไลน์ของกองทัพเพื่อต่อต้านกลุ่มผู้ที่ไม่สนับสนุน Abdullah Gul ให้เป็นประธานาธิบดี เพราะเขามาจากพรรคอิสลาม แต่สุดท้ายก็ชนะการเลือกตั้งอยู่ดี
การรัฐประหารในปี 2016 สดๆ ร้อนๆ นี้!?
ถึงแม้ว่าการรัฐประหารในประเทศตุรกีนั้นจะเกิดขึ้นมาแล้วเป็นจำนวนหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าแตกต่างจากครั้งอื่นๆ โดยนาย Tol หัวเรือใหญ่ของทาง Middle East Institute’s Center for Turkish Studies ได้กล่าวว่า
‘สถานการณ์ในการรัฐประหารครั้งนี้เรียกได้ว่าไหลลื่นมาก แต่ก็เป็นการรัฐประหารที่แปลกกว่าครั้งก่อนๆ กล่าวคือปกติแล้วกองทัพจะเข้ามาตามคำเรียกร้องของประชาชน เพื่อจัดการกับรัฐบาลที่ไม่ได้รับความนิยม แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้
เพราะทั้งทางรัฐบาลเองและตัวประธานาธิบดีก็ยังคงได้รับเสียงสนับสนุนอยู่มาก แถมไม่ได้มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้กระทำการรัฐประหารแม้แต่น้อย หรือแม้แต่ความโกลาหล ความขัดแย้งทางสังคม ที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการรัฐประหารในครั้งก่อนๆ นั้น ก็เรียกได้ว่าไม่มีเลย
และที่สำคัญที่สุดก็คือ การรัฐประหารนั้นเป็นการกระทำที่รวดเร็ว เป็นระบบระเบียบสั่งการ ในอดีตป่านนี้คงจะมีการประกาศจากทหารยศใหญ่ๆ ผู้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาประกาศ…อาจเป็นได้ว่าในการรัฐประหารครั้งนี้อาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากพี่บิ๊กของกองทัพก็เป็นได้’
ผู้คนที่ออกมาต่อต้าน
และนี่ก็คือประวัติเกี่ยวกับการรัฐประหารของประเทศตุรกีตั้งแต่ในอดีต จนถึงครั้งล่าสุดนะจ๊ะ ปล. เกร็ดความรู้!!! ถึงแม้ว่าประเทศตุรกีจะมีการรัฐประหารมาแล้วถึง 5 ครั้ง แต่ไม่ต้องห่วง ประเทศไทยเราติดอันดับ 4 ของโลกเรื่องการรัฐประหารจ้าาาาา
อันดับ 1 คือประเทศซูดาน 31 ครั้ง อันดับ 2 ประเทศอิรัก 24 ครั้ง อันดับ 3 ประเทศโบลิเวีย 19 ครั้ง และอันดับ 4 ร่วมมี กินี-บิสเซา, ซีเรีย โตโก และไทย รัฐประหารไปทั้งหมด 14 ครั้งด้วยกันแหละ แต่ในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ประเทศเราเรียกได้ว่ามีมากฉบับที่สุดในโลกไปแล้วล่ะ -*-
ที่สุดแล้วถึงแม้จะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น ก็อย่าลืมดูแลตัวเอง ครอบครัว และคนที่เรารักนะจ๊ะ และที่สำคัญทำมาหากินกันต่อดีกว่า เพราะถึงการเมืองจะหยุด แต่เงินและหนี้ของเราไม่ได้หยุดตามหรอกน้าาา T^T
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.