โลกของเราใบนี้ก็มีเรื่องแปลกๆ มากมาย แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว อยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนักดนตรีคนหนึ่ง Steve Ludwin ในวัย 49 ปี ที่ต้องบอกตรงๆ ว่าเขาดูหนุ่มเกินอายุของเขามากๆ และเรื่องที่แปลกที่สุดก็คือเขาได้ทำการฉีดพิษงูเข้าร่างของตัวเองมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปีเต็มแล้ว!!!?
‘ขณะที่คนอื่นๆ เสียเงินเสียทองไปกับการออกกำลังกายในยิม ผมอยู่บ้าน ฉีดพิษงูเข้าร่าง เพื่อเป็นการบริหารระบบภูมิคุ้มกันของผม’ Steve กล่าว
จากคำบอกเล่าของเขา เขาจะรู้สึกสดชื่นมากๆ หลายชั่วโมงหลังฉีดพิษงูเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาฉีดพิษงูเข้าร่างนะ
นอกจากนี้เขายังให้เหตุผลว่าเป็นการป้องกันตัวเองจากการโดนงูกัดด้วย!?
จากสถิติของ World Health Organisation ในแต่ละปีมีคนตายหรือพิการเพราะพิษงูกว่า 100,000 คนจากทั่วโลก ซึ่งการรักษาแบบเดียวในปัจจุบันก็คือการสกัดยาแก้พิษจากเลือดม้า แต่บางครั้งก็มีปัญหาในการปรับตัวเข้าสู่กระแสเลือดของมนุษย์เช่นกัน
การฉีดพิษงูของหนุ่มใหญ่คนนี้ก็ไม่ได้ทำด้วยตัวเองนะจ๊ะ อยู่ในความดูแลของทางบริษัท VenomAB แห่งประเทศเดนมาร์ก ที่กำลังคิดค้นยาแก้พิษงูที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และถ้าสามารถทำโปรเจ็คต์นี้ได้ แน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์มากมายต่อมนุษยชาติเลยทีเดียว
แต่เขาก็เตือนว่าการกระทำนี้มีความอันตรายสูงมาก ไม่ควรลอกเลียนแบบนะจ๊ะ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันต่อพิษที่ดีเลยล่ะ
ในที่พักของเขามีงูพิษอยู่ด้วยทั้งหมด 18 ตัว รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลานอีกหลายประเทศ และแมวเหมียวอีกหนึ่งตัว…
‘ความคลั่งไคล้ในงูของผมเริ่มขึ้นเมื่อผมอายุได้ 10 ปี พ่อของผมพาผมไปที่ Bill Haast’s Serpentarium วันนั้นผมได้พบกับ Bill Haast ด้วยตัวเอง เขาเอางูมาพันรอบคอผม ที่สำคัญกว่านั้นผมได้ยินด้วยล่ะว่าเขาฉีดพิษงูเข้าร่างกายของตัวเองด้วยล่ะ’ Steve เล่าถึงอดีตของเขา
ก่อนที่เขาจะเริ่มเดินทางในเส้นทางสายดนตรี เขาเคยทำงานที่สวนสัตว์เปิดมาก่อน และเจ้านายของเขาก็ใจดีมากๆ ให้เขาสามารถนำงูที่เขาดูแลกลับบ้านได้ด้วย!!?
วันหนึ่งเขาตัดสินใจที่จะฉีดพิษงูปริมาณน้อยเข้าร่างเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นการกระทำที่โง่มาก เขาออกมายอมรับในเรื่องนี้ หัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลง แขนของเขาเริ่มบวม
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะโทรเรียกรถพยาบาลเพราะอับอาย เขายอมตายเสียดีกว่า…
เขาสามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นมาได้ แขนบางส่วนของเขาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเล็กน้อย แต่เขาก็ฉีดพิษในปริมาณน้อยๆ เข้าสู่กระแสเลือดของตัวเองอีกทุกๆ 2-3 เดือน
ถึงตอนนั้นอาชีพนักดนตรีของเขาก็กำลังไปได้ดีเลยทีเดียว แถมยังเคยแต่งเพลงให้นักร้องดังๆ หลายๆ คนอีกด้วย
และแน่นอนระหว่างที่เขาทัวร์คอนเสิร์ต เขาอ้างว่าการล้วงปากและคอด้วยพิษงูนั้น ช่วยให้คอของเขาไม่เกิดอาการติดเชื้อ ซึ่งเป็นอาการปกติของนักร้องที่ทัวร์คอนเสิร์ตยาวๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่มีอาการแบบนั้นมาหลายปีแล้ว…
พอเขาเลิกเล่นดนตรี เขาก็ฉีดพิษใส่ตัวเองบ่อยครั้งขึ้น จนปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 1 ครั้งต่อ 2-3 วันเลยทีเดียว
เขาดูสบายอกสบายใจมากๆ เมื่ออยู่กับงู ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงสามารถฆ่าคนปกติได้เลยทีเดียว
ในการรีดพิษงูนั้นเขาก็ทำแบบปกติ ไม่ได้มีอะไรแปลกจากที่คนอื่นทำ โดยการรีดใส่แก้วไว้
.
.
.
รอให้พิษหยดลงไปให้หมดในแก้ว
แน่นอนว่าเขามีงูอยู่หลายตัว และนำมารีดพิษออกอีกเรื่อยๆ หลายตัว
พอได้พิษในปริมาณที่ต้องการแล้วก็เอาไซริงมาดูดเข้าไป มีครั้งหนึ่งที่เขาผสมพิษงูกว่า 3 ชนิดเข้าด้วยกันแล้วฉีดเข้าสู่กระแสเลือด เขานอนหลับไม่ได้ทั้งคืนจนแฟนสาวของเขาแนะนำให้เขาไปหาหมอดีกว่า ซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดี
แน่นอนว่าหมอเห็นแล้วก็รู้สึกจนปัญญาจริงๆ เพราะไม่มียาแก้พิษงูไหนที่สามารถขจัดพิษทั้ง 3 ชนิดออกได้ในเวลาเดียวกัน คุณหมอแนะนำให้เขาตัดแขนข้างนั้นออกเพื่อรักษาชีวิต แต่แน่ล่ะ Steve ไม่ยอมและบอกกลับไปว่าร่างกายของเขาสามารถจัดการกับพิษงูได้
กระนั้นเขายังต้องอยู่ในห้อง ICU อีกราวๆ 2-3 วัน เขาก็ไม่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้น มีแต่แขนของเขาที่บวมเป่งขึ้นเฉยๆ เขาออกจากโรงพยาบาล และอีกราวๆ 1 สัปดาห์หลังจากนั้นก็ราวกับว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และไม่ได้เสียแขนไปแต่อย่างใด…
เขาหยดพิษงูลงบนผิวหนังของตัวเอง เอาไซริงมาดูดแล้วฉีดเข้าไปในกระแสเลือด หลังจากนั้นเอาเข็มออกมาดูดหยดที่เหลือแล้วฉีดลงไปในเลือดของตัวเองอีกหลายครั้ง
‘บางครั้งผมก็รู้สึกเจ็บมากๆ เลยล่ะ เมื่อพิษงูเข้าสู่กระแสเลือดของผม’ Steve กล่าว
หลังจากที่ฉีดเข้าไปหลายเข็ม เขาก็มีครีมที่จะช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น (แน่นอนว่ามีส่วนผสมของพิษงู)
ครีมพิษงูของเขา
ต่อไปก็ถึงเวลาให้อาหาร เขาใช้หนูแช่แข็งที่มีขายตามท้องตลาด
แล้วป้อนให้กับบรรดางูเพื่อนรักของเขา
แน่นอนว่าหลังจากการฉีดพิษงูเข้าไป แขนของเขาก็เริ่มบวมจนสามารถเห็นได้ชัดเป็นตุ่มๆ ขึ้นมา แต่เขาไม่แนะนำอย่างยิ่งที่หลายๆ คนคิดจะทำแบบนี้ด้วยตัวเอง เพราะเขาก็ว่าเฉียดตายมาหลายครั้งกับการทดลองนี้
แต่สุดท้ายแล้ว เขาหวังว่าการวิจัยนี้จะเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการสกัดเซรุ่มรักษาพิษงูในอนาคต ‘ถ้าผมเป็นคนที่สามารถทำเรื่องนี้สำเร็จ ถึงผมจะตายผมก็ตายอย่างมีความสุขมากๆ เลยล่ะ’ เขากล่าวปิด
อื้อหืออออ ฟังเรื่องราวของเขาแล้วรู้สึกว่าใจกล้ามากๆ เลยนะเนี่ย น่าจะเป็นความชอบส่วนตัวด้วยแหละที่ผลักดันจนเขามาอยู่จุดๆ นี้ กระนั้นเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ อย่าไปลองกันนะเพื่อนๆ เพราะไม่รู้ว่าเราจะโชคดีรอดมาเหมือนเขาหรือเปล่า T^T
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.