พฤติกรรมอย่างหนึ่งของเด็กๆ ที่เรามักจะเห็นคือ พวกเขาชอบดูดนิ้ว หรือกัดแทะเล็บ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาที่พ่อแม่ได้พยายามแก้ไข เพราะกลัวว่า การเอามือเข้าปากนั้น อาจจะมีเชื้อโรคติดมา และทำให้เป็นภูมิแพ้ได้
แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนี้ มีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้น้อยกว่าเด็กที่ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ซะอีก
นักวิจัยจากประเทศนิวซีแลนด์ ได้ศึกษาพฤติกรรมของเด็กกว่า 1,000 คน ที่อยู่ในวัยเด็กตอนปลาย โดยศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับช่องปาก และปัญหาโรคภูมิแพ้
ในการวิจัยนั้น ได้ทำโดยการหากรณีตัวอย่างจากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่อยู่ในวัย 13 และ 32 ปี แล้วก็ย้อนไปดูในวัยเด็กว่า พวกเค้าเหล่านี้มีพฤติกรรมชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บหรือไม่
ผลการวิจัยพบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนั้นมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 40% ส่วนเด็กที่ทั้งดูดทั้งแทะนั้น มีโอกาสลดลงไปอีกคือ 35% ในขณะที่ไม่ทำเลย มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ถึง 45 % เลยทีเดียว
การวิจัยนี้สามารถนำไปปรับใช้กับเด็กที่ชอบเล่นสกปรกหรือเล่นหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง แต่เด็กในเมืองอาจจะต้องเสี่ยงกับโรคภูมิแพ้มากหน่อย เพราะมีกลิ่นหนูหรือกลิ่นแมลงซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศ และเด็กอาจสูดดมเข้าไปได้
แต่แม้ว่าการวิจัยจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่จะสนับสนุนให้เด็กทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ เพราะบางทีอาจมีเชื้อโรคติดมากับมือด้วย ที่สำคัญหากดูดนิ้วนานเกินไป อาจทำให้มีปัญหาในช่องปากเมื่อฟันแท้ขึ้น
เพื่อนๆ คิดยังไงกับการวิจัยนี้บ้างเอ่ย แต่ #เหมียวขี้ส่อง คิดว่า ถึงจะมีโอกาสเป็นน้อย ก็ไม่ได้หมายความจะเป็นไม่ได้นะคะ ดังนั้นทุกอย่างควรจะอยู่ในการดูแลจะดีกว่าค่ะ
ที่มา aplus
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.