ชวนทำ “ไอศกรีมบลูเบอร์รี่” ฉบับโฮมเมด ไอศกรีมสีสวย รสชาติหวานอมเปรี้ยวละลายในปาก!!

เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาพบว่ามีบลูเบอร์รี่สดเหลืออยู่ ว่าจะเอามาทานเล่นๆ ก็เบื่อแล้ว ถ้าอย่างนั้นลองนำมาดัดแปลงจากบลูเบอร์รี่สดธรรมดาๆ ให้กลายเป็นไอศกรีมบลูเบอร์รี่ดูสิ…รับรองว่าทานเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อแน่นอน

และถ้าหากใครที่ยังไม่รู้วิธีทำ ไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ เพราะวันนี้เชพเหมียวมีสูตรการทำไอศกรีมบลูเบอร์รี่สีสวยๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน จากเว็บไซต์ bakedbyrachel มาฝาก

ซึ่งนอกจากจะทำง่าย มีรสชาติอร่อยแล้ว ยังเป็นไอศกรีมแบบโฮมเมดที่มีสีสันสวยงามอีกด้วย แหมๆๆ รู้สึกเริ่มคันไม้คันมือแล้วละสิ ถ้าอย่างนั้นจะรอช้าไปทำไม ใครพร้อมแล้วไปลุยกันเลย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม…

-บลูเบอร์รี่สด หรือแบบแช่แข็ง 2 ถ้วย

-น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

-น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

-เฮฟวี่ครีม 2 ถ้วย

-นมสด 1 ถ้วย

-เกลือ ¼ ช้อนขา

-กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

-ไข่แดง 3 ฟอง

มาเริ่มทำกันเลย

1 .เริ่มจากเตรียมกระทะ โดยใช้ไฟกลาง จากนั้นใส่น้ำตาลทราย บลูเบอร์รี่ และน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากันจนเดือด แล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดกลายเป็นซอส จากนั้นนำเฮฟวี่ครีม ไปผสมกับวานิลลา คนให้เข้ากัน เตรียมไว้

2 .ต่อไปผสมนมสด ครีมที่เหลือ น้ำตาลทราย และเกลือป่น ลงในกระทะขนาดกลาง โดยจะใช้ไฟปานกลาง จากนั้นคนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย

3 .นำไข่แดงไปตีให้พอเข้ากัน เมื่อส่วนผสมนมเริ่มร้อน ก็ค่อยๆ เทส่วนผสมนมสดอุ่นลงในไข่ไก่ที่ตีไว้ แล้วตีผสมจนเข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมกลับลงในกระทะอีกครั้ง

4 .เทส่วนผสมที่เป็นซอสบลูเบอร์รี่ลงไป คนผสมให้เข้ากัน เมื่อเริ่มข้นก็จัดการเทใส่ลงไปผสมเฮฟวี่ครีมที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำพลาสติกถนอมอาหารมาคลุมไว้ แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปแช่แข็งประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นก็ได้จ้า

5 .ขั้นตอนสุดท้าย นำส่วนผสมไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปแช่เย็นจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

และนี่ก็คือโฉมหน้าของ “ไอศกรีมบลูเบอร์รี่” สีสวยสดใส น่าทานจัง ><

เป็นไอศกรีมที่ทำได้ไม่ยาก แถมสีก็สวยน่าทานอีกต่างหาก ที่สำคัญหากใครกำลังหารายได้ หรืออยากเป็นแม่ค้าขายไอศกรีม ก็สามารถนำสูตรนี้ไปลองทำตามดูได้

นอกจากนี้คุณยังสามารถนำผลไม้รสชาติอื่นๆ ที่ชื่นชอบมาดัดแปลงทำเป็นไอศกรีมในรูปแบบของคุณได้อีกด้วย มีทั้งสูตร และขั้นตอนให้ทำตามง่ายแสนง่ายขนาดนี้ วันว่างๆ ก็อย่าลืมหาเวลาทำทานเล่นๆ กันดูน้า

ที่มา : bakedbyrachel