ในขณะที่หลายๆ ประเทศยังคงปิดกั้นเรื่องของเพศทางเลือกอยู่ และขณะเดียวกันอีกหลายๆ ประเทศก็เปิดรับเรื่องพวกนี้ให้เป็นเรื่องธรรมดาด้วยแนวคิดที่ว่า ‘เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล เราไม่สามารถไปจำกัดใครได้ ทุกเพศสภาพควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน’
เมื่อปี 2015 กรมตำรวจจากเขต Sussex ประเทศอังกฤษ ได้ตัดสินใจเพ้นท์สีรถตัวเองให้เป็นสีรุ้งเพื่องาน LGBTQ Pride ที่ผ่านพ้นไป
แต่หลังจากนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างหนาหูเกี่ยวกับการนำภาษีของประชาชนมาใช้กับการตกแต่รถของตำรวจเองเช่นกันซึ่งงานนี้ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ต่อมาในปีนี้ กรมตำรวจจึงได้ตัดสินใจทำให้เรื่องนี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยหัวหน้ากรมตำรวจ Nev Kemp ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ว่า “เราต้องการที่จะแสดงความชัดเจนว่าเราไม่สนใจในทัศนคติแง่ลบของคนที่กล่าวหาเพียงเพราะว่ามันเป็นงานของ LGBT”
พวกเขาจึงนำรถตู้ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีอยู่มาเพ้นท์สีรุ้งใส่มันซะเลยเพื่อเป็นการสนับสนุนต่อกลุ่ม LGBT และเป็นการต่อต้านเชิงสัญลักษณ์ต่อการแบ่งแยกกันของผู้คนในสังคม
แถมเจ้ารถตู้สีรุ้งคันนี้ยังมีไว้เพื่อรองรับการช่วยเหลือด้านต่างๆ ในงาน LGBT Pride อีกด้วย
รถตู้คันนี้ใช้งบประมาณในการเพ้นท์ไป 420 ปอนด์ (ประมาณ 19,225 บาท)
แถมยังให้ความรู้และช่วยเหลือเหล่าเพศทางเลือกและผู้ตกเป็นเหยื่อของคนที่มีความรังเกียจต่อคนข้ามเพศอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตบางส่วนที่ดูเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำเหล่านี้ของกรมตำรวจเท่าไหร่
“ทำไมไม่ตอบคำถามผมทางทวิตเตอร์ล่ะ ว่างบประมาณสำหรับรถคันนี้มันมาจากภาษีของพวกเรารึเปล่า?”
แต่กลับกันคนส่วนใหญ่ยังคงยินดีให้การสนับสนุนสำหรับการนำภาษีของพวกเขาไปใช้ในด้านนี้อย่างเต็มที่
ชาวเน็ตหลายคนต่างออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า“เรายินดีที่จะให้คุณใช้ภาษีของเราไปกับการเพ้นท์รถตู้นะ”
สุดท้ายทางกรมตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจึงออกมากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ เพื่อชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น…
โฆษก Jenni Nuttall กล่าว “การได้มีส่วนร่วมในงานพาเหรดครั้งนี้ ทางเราต้องการจะแสดงให้เห็นว่ากรมตำรวจเป็นผู้ให้การสนับสนุนและเป็นองค์กรที่เปิดกว้างทางความคิด ประชาชนทุกคนใน Sussex สามารถเชื่อถือและไว้วางใจได้”
อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งเมื่อประชาชนมีสิทธิ์ที่จะสอบถามและเห็นต่างได้เกี่ยวกับเงินภาษีของพวกเขาว่าจะถูกนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่? (ถ้าเป็นแถวนี้คงไม่มีโอกาสได้ถามแน่นอน)
ที่มา: Upworthy
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.