บางครั้งเรื่องราวดีๆ นั้นก็ไม่เลือกเวลาเกิด เหมือนกับว่ามันคอยเวลาที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจแล้วก็เกิดขึ้นมาซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่าใครก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับมันไว้อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับคู่รักชาวออสเตรเลียคู่นี้ ที่กำลังออกไปเดินป่าชมความงดงามทางธรรมชาติกันร่วมกับครอบครัว จู่ๆ พวกเขาก็ไปพบเข้ากับน้องหมาตัวหนึ่งหลงทางเข้ามาอยู่ในป่า แน่นอนว่าพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะช่วยมัน และพาไปตามหาเจ้าของ จึงเกิดเป็นเรื่องราวดีๆ ขึ้น
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคู่รักคู่หนึ่งชวนกันไปเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติที่แสนสวยงาม ขณะที่ฝ่ายสามีกำลังพาคุณพ่อของฝ่ายภรรยาไปชมความงามของแอ่งหิน ก็พลันเหลือบไปเห็นตัวอะไรลอยตุ๊บป่องๆ อยู่ในน้ำ และในแอ่งนั้นมีระดับน้ำที่ลึกมากๆ เลยทีเดียว
พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นเจ้าหมาตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันมาจากไหน หรืออาจจะเป็นหมาที่มีชีวิตอยู่ในป่า แต่นั่นไม่สำคัญ พวกเขาไม่คิดที่จะปล่อยให้มันผ่านไปโดยทิ้งไว้ให้ลอยคออยู่ในน้ำที่ลึกและเย็นแบบนี้แน่ๆ
ก็เลยช่วยกันหาไม้ท่อนใหญ่มาให้มันเกาะ แล้วก็ใช้เชือกโยนไปคล้องแล้วก็ลากมันขึ้นมา ซึ่งในตอนแรกนั้นมันก็ทำการดิ้นสู้เพื่อทำการป้องกันตัวเอง
พอลากขึ้นมาบนพื้นปุ๊บมันก็วิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ กับบ่อน้ำ และตอนที่มันวิ่งหนีไปฝ่ายภรรยาก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นหมาเพศเมียที่ถูกทำหมันเรียบร้อยแล้ว ก็เลยทำให้เธอเชื่อว่ามันจะต้องเป็นหมาที่มีเจ้าของแน่ๆ
และก็ดูเหมือนว่ามันกำลังรู้สึกกลัว และโดดเดี่ยว ซึ่งมันอาจจะถูกเจ้าของทิ้งมาก็เป็นได้ จึงทำให้พวกเขาคิดว่าจะต้องช่วยเหลือมันให้ได้ ขณะเดียวกันในตอนนั้นเจ้าหมาตัวนั้นก็ไม่ได้รับรู้สึกถึงความหวังดีของพวกเขา จึงมีท่าทีที่ไม่ต้อนรับสักเท่าไหร่
พวกเขาคิดหาวิธีที่จะจับมันโดยไม่ให้หนีไปจากตรงนี้ เพราะรอบๆ นี้มีแต่ป่ารกเต็มไปหมด ไม่มีบ้านคนอยู่รอบๆ 5 กิโลเมตรจากตรงจุดนี้ และทางด้านหลังของมันก็เป็นหน้าผา ฉะนั้นทางเดียวที่มันจะออกไปจากจุดนี้ได้ก็คือกระโดดลงน้ำไปเท่านั้น
ขณะที่พวกเขากำลังลุยป่ารกๆ เข้าไปใกล้ๆ กับเจ้าหมาตัวนั้น ก็ทำให้พวกเขาเสียสมาธิไปช่วงหนึ่ง และก็พบว่ามันวิ่งหนีออกไปจากตรงจุดแรกเรียบร้อยแล้ว แต่โชคยังดีที่มันแค่ย้ายไปตรงพุ่มไม้ไม่ไกลจากตรงจุดเดิม
พวกเขาค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันก็ยังคงแสดงท่าทีที่ไม่ไว้ใจ พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อสร้างความคุ้นชินกับมันซะก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ทีละนิดๆ
จนในที่สุดเจ้าหมาก็เปิดโอกาสให้คุณภรรยาได้ลูบหัว และเจ้าหมาก็ตอบกลับมาด้วยการเลียมือ เพื่อบอกว่าตอนนี้มันไว้ใจเธอแล้วล่ะ ก็เลยตั้งชื่อให้มันซะเลยว่าคุณ Piggy ^^
และต้องขอบอกไว้เลยว่าพวกเขาไปเดินป่ากันจริงๆ เพราะฉะนั้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนั้นก็จะมีแค่เท่าที่จำเป็นคือพวกผ้า หรือ เชือกอะไรทำนองนี้เท่านั้น ก็เลยต้องสร้างเปลขึ้นมาเพื่อทำการแบกเจ้าหมาออกไปจากป่านี้
แน่นอนว่าหนทางช่างยาวไกล และยากลำบากซะเหลือเกิน เพราะมีทั้งตลิ่ง และขวากหนามเต็มไปหมด พร้อมกับต้องแบกเจ้าคุณ Piggy ที่มีน้ำหนักเกือบยี่สิบกิโลฯ ไปด้วย
.
.
.
.
.
.
ใช้เวลาไปกว่า 30 นาทีเพื่อที่จะเดินทางมาถึงถนนใหญ่ จากนั้นก็ต้องเดินเลาะถนนไปต่อ เพื่อไปที่รถของพวกเขาที่จอดทิ้งไว้ในตอนแรก
.
ในที่สุดก็มาถึงที่รถแล้วล่ะ ปลอดภัยแล้วนะคุณ Piggy ^^
พอมาถึงที่บ้าน เจ้าคุณ Piggy ก็ดูมีความสุขมาก เพราะมันไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานและโดดเดี่ยวอยู่ในป่าอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาให้อาหารแก่คุณ Piggy จากนั้นก็มานั่งคิดกันว่าจะตามหาเจ้าของของมันอย่างไรดี จนสุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะโพสต์เฟซบุ๊คโดยตั้งค่าเป็นพื้นที่ที่พบเจอมันบริเวณรอบๆ และน่าตกใจมากที่หลังจากโพสต์ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีคนทักเข้ามา
ชายคนนี้อาศัยอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือจากจุดที่คุณ Piggy หายไป ประมาณ 15 กิโลเมตร เขามั่นใจว่านี่แหละคือหมาของเขาที่หายไปตั้งแต่วันที่ 30 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากหลังบ้านของตัวเอง
พวกเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ในที่สุดก็หาเจ้าของของเจ้าคุณ Piggy เจอแล้ว แต่ก็ต้องมาตะหงิดใจเพราะชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของดันบอกว่าหมาของเขานั้นชื่อว่า ‘Bob’ ซึ่งเป็นชื่อของหมาตัวผู้ แต่จริงๆ แล้วเจ้าคุณ Piggy นั้นมันเป็นตัวเมียต่างหากล่ะ
แต่ก็ต้องถึงบางอ้อ เพราะว่าจริงๆ แล้วชื่อเต็มๆ ของมันก็คือ Elly-Bobby (ตั้งตาม Ricky Bobby จากหนังเรื่อง Talladega Nights The Ballad of Ricky Bobby) แถมชายคนนั้นยังอธิบายถึงรูปพรรณสันฐานและลักษณะนิสัยของมันได้ตรงเผงทุกอย่างเลย
แถมพอเข้าไปส่องดูในเฟซบุ๊คของเขาแล้วก็พบว่าหลังจากที่เจ้า Bob หายไป เขาก็ทำการโพสต์ตามหามันทุกวันผ่านทางเฟซบุ๊คอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยความหวังที่ว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้เจอมัน
และในที่สุดเจ้า Bob ก็ได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของเจ้าของที่แท้จริง มันส่ายหางดุ๊กดิ๊กไปมา พร้อมกับเลียหน้าเขาเป็นการใหญ่ แสดงให้เห็นว่ามันรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้พบกับพ่อของมันอีกครั้งหนึ่ง
คิดไม่ออกเหมือนกันว่าระหว่างช่วงที่มันหายไปคือวันที่ 30 มิถุนายน จนถึงวันที่คู่รักนักเดินป่าไปเจอมันเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนมันจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง และแน่นอนว่าครอบครัวที่ช่วยเหลือมันมานี้จะต้องมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือมัน และเจ้าของของมันเป็นอย่างมากแน่ๆ เลย
อย่างไรก็ตาม #เหมียวหง่าว ก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้า Bob ด้วยนะ ที่ในที่สุดเองก็ได้กลับบ้านซักที จากนี้ไปก็อย่าดื้อวิ่งหนีออกไปไหนอีกล่ะ ^^
ที่มา : lifebuzz, dangerm0use
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.