ขาดื่มห้ามพลาด!! RateBeer จัด 20 อันดับเบียร์ที่ได้ชื่อว่า ‘ดีที่สุดในโลก’ ประจำปี 2016

สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ขอเอาใจคอเบียร์กันซักหน่อย กับ 20 อันดับเบียร์ที่ดีที่สุดในโลกปีนี้ จากการจัดอันดับของทาง RateBeer.com ซึ่งจัดอันดับเบียร์จากทั่วโลกเป็นประจำทุกๆ ปี

มาดูกันซิว่าปีนี้จะมีเบียร์สัญชาติอะไรติดอันดับเข้ามากันบ้าง!!!

 

20. Stigbergets Gbg Beer Week 2016 (Stigbergets Bryggeri)

อันดับ 20 ของเราเป็นเบียร์สัญชาติสวีเดน มีชื่อเสียงด้านการบาลานซ์ความขมได้ดีมาก แถมยังได้กลิ่นของผลไม้หอมๆ อีกด้วย

 

19. Thicket (Side Project)

เบียร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตขึ้นที่ Oregon และ Missouri เท่านั้น จุดเด่นคือรสชาติของผลไม้และสีม่วงเข้ม

 

18. Prairie Bomb! – Barrel Aged (Prairie Artisan Ales)

เป็นสเตาต์เบียร์ (เบียร์ดำ) ที่หมักบ่มอยู่ในถังชนิดเดียวกันกับวิสกี้ มีกลิ่นวานิลา ช็อกโกแลต โกโก้ และพริกไทย มีทั้งความหวานและเผ็ดนิดๆ

 

17. Barrel Aged Abraxas (Perennial)

อีกหนึ่งเบียร์จาก Missouri บ่มในถังด้วยโกโก้ ซินนามอน และวานิลลากว่า 1 ปีเต็ม มีความนุ่มลิ้นและเปี่ยมด้วยรสชาติของเครื่องเทศมาก

 

16. Noa Pecan Mud Cake – Double Barrel (Omnipollo)

ของดีเมือง Stockholm แห่งประเทศสวีเดนเลยก็ว่าได้ เป็นเบียร์ดำอีกชนิดหนึ่ง เน้นไปที่ความนุ่มและรสชาติที่หวาน

 

15. Mexican Cake Imperial Stout – Bourbon Coconut (Westbrook)

อีกหนึ่งเบียร์จากสหรัฐฯ ผลิตแถว South Carolina  เห็นแบบนี้มีดีกรีแอลกอฮอล์สูงถึง 10.5 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว มีกลิ่งของทั้งช็อกโกแลต มะพร้าว วิสกี้ คาราเมล เครื่องเทศและมอลต์อย่างครบครัน

 

14. Veritas 15 (The Lost Abbey)

เบียร์จากสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว ผลิตในแถบ California หมักบ่มในถังไม้โอ๊ค มีทั้งกลิ่นของลูกพีช เกสรดอกไม้ ผลแอพพริค็อท และปิดท้ายด้วยรสเปรี้ยวเบาๆ ของกรดไซตริก

 

13. Kormoran Imperium Prunum (Browar Kormoran)

เบียร์จากโปแลนด์ อบอวลไปด้วยกลิ่นของทั้งมอลต์และลูกพลัมแห้งรมควัน มีจุดเด่นในด้านรสชาติที่จะออกไปคล้ายคลึงกับกาแฟเบาๆ แถมมีความเหมือนช็อกโกแลตด้วยแบบครึ่งๆ และแน่นอนรสชาติของผลไม้ก็ฉ่ำไปเลยล่ะสำหรับเบียร์ตัวนี้

 

12. Imperial Purple Raz Bu (De Garde)

เป็นเอลเบียร์ที่มีสีดำอ่อนปนม่วง มีรสชาติเน้นไปทางขมนิดหน่อย บ่มไว้ในถังไม้โอ๊ค มีความหวานจากผสราสเบอรี่อยู่ในตัวเบียร์ด้วยล่ะ

 

11. Wednesday (Cycle Brewing)

อีกหนึ่งเบียร์ดำที่ติดเข้ามาในลิสต์นี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นของลูกเฮเซนัส ปนด้วยกลิ่นของช็อกโกแลตและซินนามอนที่ใส่ลงไปตอนบ่ม

 

10. Always in Life (Sante Adairius)

เบียร์เบลเยียมที่ค่อนข้างมีดีกรีสูงเลยดีเดียวถึง 10.2 เปอร์เซ็นต์ มีกลิ่นของลูกพีชอยู่ ถูกหมักบ่มไว้ในถังบ่มเหล้ารัมจาไมก้า ทำให้มีกลิ่นของรัมและไม้โอ๊คอยู่ในตัวเบียร์ด้วย แปลกไปอีกแบบ

 

9. DIPA V3 (Cloudwater)

ของดีแห่งเมือง Manchester ประเทศอังกฤษ ใช้เวอร์มันต์ยีสต์ในการผลิต มีกลิ่นของฮ๊อปที่รุนแรงมาก

 

8. Mornin’ Delight (Toppling Goliath)

เบียร์ดำที่มีกลิ่นของกาแฟเอสเปรสโซ่ เมเปิลไซหรับและวานิลลา ทำให้เหมือนคุณจิบกาแฟและทานขนมในยามเช้า เข้ากับชื่อของเบียร์อย่างมาก

 

7. Song of Joy (Hill Farmstead)

สำหรับเบียร์ที่ใช้ยีสต์เวอร์มอนต์ นี่คือเบียร์ที่ได้รับการโหวตให้ได้อันดับสูงที่สุด เป็นเบียร์เลเกอร์ (สีไม่เข้ม) ที่มีกลิ่นของดอกไม้และฮ๊อปอยู่สูงมาก

 

6. Närke Kaggen Stormaktsporter Börb’n å Hallon (Närke Kulturbryggeri)

บ่มด้วยราสเบอร์รี่ในถังบ่มวิสกี้จนกลายเป็นเบียร์ดำสัญชาติสวีเดนที่ผสมผสานกลิ่นของผลไม้ วิสกี้ ช็อกโกแลตและโกโก้ได้อย่างลงตัว

 

5. Lambic d’Aunis (Cantillon)

ของดีเมือง Brussels แห่งประเทศเบลเยียม ผลงานของนักทำไวน์แห่ง Les Vins Contés ลักษณะสีจะคล้ายๆ ไวน์แดงแต่อ่อน มีรสชาติขององุ่นอย่างเต็มเปี่ยม แถมมีความเผ็ดเบาๆ แบบพริกไทยแฝงอยู่ด้วย

 

4. Pliny the Younger (Russian River)

เคล็ดลับของการผลิตเบียร์ชนิดนี้ก็คือการนำฮ๊อปไปตากแห้งถึง 4 ครั้งด้วยกัน ทำให้เกิดรสชาติที่ลงตัวสุดๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นของฮ๊อป แถมตอนจบยังมีความรู้สึกว่าขมนิดๆ พอสะอาดคอด้วยล่ะ!!!!

 

3. Dark Lord Imperial Stout (Three Floyds)

เป็นเบียร์ดำที่หาดื่มได้ยากมาก เพราะจะเอามาขายวันเดียวเท่านั้นในรอบ 1 ปี ผลิตเฉพาะใน Munster รัฐอินเดียน่าเท่านั้น เปี่ยมไปด้วยกลิ่นของกาแฟ วานิลลา และน้ำตาลอินเดียน แถมมีแอลกอฮอล์สูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย!!!

 

2. Cuvée Armand & Gaston (3 Fonteinen)

มีฐานการผลิตอยู่ที่ Beersel ประเทศเบลเยียม มีสีส้มทองสวยงาม เต็มไปด้วยกลิ่นขององุ่นขาว แอปเปิ้ลเขียว เลมอน ไม้ และปลายที่จะมีความเปรี้ยวแฝงอยู่เบาๆ

 

อันดับ 1. Westvleteren XII (Abdij St. Sixtus) !!!

เบียร์ที่ดีที่สุดในโลกของปีนี้ ผลิตเฉพาะใน Westvleteren ประเทศเบลเยี่ยม แถมเป็นเบียร์ที่หมักโดยนักบวชซะด้วย ขายเฉพาะที่อารามของ St. Sixtus เท่านั้น เป็นที่นิยมของทั้งนักดื่มเบียร์และนักต้มเบียร์ด้วยกันเองก็ตาม มีเอกลักษณ์ก็คือกลิ่นของส้ม เติมด้วยช็อกโกแลตและคาราเมลนิดหน่อย

สำหรับคนที่ยังงง นักบวชที่ผลิตเบียร์นั้นเป็นพระของศาสนาคริสต์คาทอลิกหรือที่นิยมเรียกกันว่า Trappist Monk นะจ๊ะ หมักเบียร์กันจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลกตั้งแต่โบราณมาแล้วล่ะ!!!!

 

ถ้ามีโอกาสล่ะก็ #จ่าสิบเหมียว นี่อยากจะลองจิบดูทุกอันเลยนะเนี่ย อิอิ ><

 

ที่มา: BusinessInsider