เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่อยากจะนำมาเล่าสู่ให้กันฟัง เมื่อคู่สามี-ภรรยา ได้สูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก ผู้เปรียบดั่งตัวแทนความรักของพวกเขาทั้งสอง และยังเป็นความหวังอันหนึ่งเดียวของครอบครัว…
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1993 ขณะที่คุณแม่ Mary Johnson กำลังทำงานอยู่อย่างปกติเฉกเช่นทุกๆ วัน จู่ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งให้เธอได้ทราบว่า Laramiun ลูกชายคนเดียวของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว จากเหตุทะเลาะวิวาทกันในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง
ส่วนผู้ที่ลงมือก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต คือเด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี Oshea Israel และแน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่ ณ ห้วงเวลานั้น Mary คงเหลือเพียงความรู้สึกเศร้าโศก ความเกลียดชัง และความโกรธแค้น
“ตอนที่ขึ้นศาล ฉันมอง Oshea เป็นเหมือนสัตว์ป่าเถื่อนตัวนึง” แถมแม่ของเขายังกล่าวเสริมอีกว่า “ความรู้สึกอันขมขื่นมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธเริ่มเข้ามาแทนที่ และมันทำให้ฉันรู้สึกเกลียดทุกคน เป็นแบบนี้อยู่หลายปี มีผู้คนมากมายตีตัวออกห่างจากฉัน”
เวลาล่วงเลยไปกว่า 12 ปี วันหนึ่งเธอได้อ่านบทกวีบางอย่างเข้าและมันกลายเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนความคิดของเธอไปตลอดกาล
“Tell me the name of the son you love so, That I may share with your grief and your woe.”
(***บทกวีที่มาจากบทสนทนาของพระมารดาของพระเยซูคริสต์ และ มารดาของยูดาส ที่กำลังร่วมกันพรรณนาถึงความโศกเศร้า จากการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักของเธอทั้งสอง)
“เป็นบทกวีที่ช่วยเยียวยา ความเจ็บปวด และความโศกเศร้า อันเกิดจากการถูกพลัดพรากจากกันได้ดี และยังเป็นบทกวีที่ได้ชี้ทางสว่างให้กับฉันอีกด้วย” Mary กล่าว
หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนความคิดไปทันที จากที่เคยมองฆาตกรเป็นเหมือนดั่งสัตว์ป่า เธอกลับคิดว่า แค่การบอกกับตัวเองว่าได้ยกโทษให้ Oshea แล้วมันยังไม่พอ หรือแม้แต่การพยายามลบเรื่องราวเหล่านี้ออกจากความทรงจำ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการยกโทษที่สมควร
เธอตระหนักได้ว่าการเข้าไปหา Oshea ช่วยเหลือด้วยหลักแห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ช่วยให้เขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น น่าจะเป็นวิธีที่ยกโทษได้ดีที่สุด อีกทั้งยังทำให้เธอหายติดค้างกับเรื่องราวอันน่าเศร้าในอดีตอีกด้วย
“การให้อภัย ไม่ใช่การทำเป็นลืม ผู้คนควรได้เรียนรู้ว่าการให้อภัย คือสิ่งที่ทุกคนควรได้รับ” คุณแม่กล่าว
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้เจอหน้ากันหลังจากการพิจารณาคดี ทั้งสองได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำความเข้าใจกันมากขึ้น อีกทั้งฝั่งครอบครัวของ Mary ก็ให้การช่วยเหลืออย่างดี
ถึงแม้ว่าคุณแม่ Mary จะไม่มีโอกาสได้เห็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง สำเร็จการศึกษา หรือแม้แต่มีชีวิตครอบครัวที่ดีก็ตาม แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัว Oshea และให้การสนับสนุนพร้อมทั้งเฝ้าคอยวันแห่งความสำเร็จของเขา
เราลองไปฟังบทสนทนาของทั้งสอง รวบรวมโดยเว็บไซต์ Upworthy กันเลย….
การให้อภัยคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่การที่คุณแม่ท่านนี้เลือกที่จะกลับมาแก้ไขบาดแผลของความทรงจำในอดีต ด้วยวิถีแห่งความรักที่แท้จริงแบบนี้ เล่นเอา #เหมียวบ็อบ น้ำตาซึมกันเลยทีเดียว T^T
ที่มา: Upworthy
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.