10 เรื่องราวชีวิต และการใช้เงินสุดเว่อร์วังของ Pablo Escobar พ่อค้ายาที่รวยที่สุดตลอดกาล!!!

หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับชื่อ Pablo Escobar กันมาบ้าง ทำไมเขาถึงมีชื่อเสียงที่กระฉ่อนขนาดนั้นล่ะ!? ก็เพราะว่าเขาเป็นพ่อค้ายาที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเลยน่ะสิ แถมได้รับสมญานามว่า ‘ราชาแห่งโคเคน’ ซะด้วย

จากลูกชาวนาชาวโคลัมเบียจนๆ ธรรมดาๆ กลายเป็นผู้ค้ายาที่รวยที่สุดและหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลก แถมตอนนั้นสินค้าโคเคนของเขาคิดเป็นร้อยละ 80 ของปริมาณการขายทั้งโลก

ว่ากันว่าการที่จะหามูลค่าสุทธิทรัพย์สินของเขาออกมาเป็นตัวเลขนั้นแทบจะทำไม่ได้เลยทีเดียว แต่ก็มีการประมาณกันไว้ว่าราวๆ 30,000 ล้านเหรียญ (ในตอนนั้น) และนี่ก็คือเรื่องเว่อร์ๆ ต่างๆ เกี่ยวกับการใช้เงินและทรัพย์สอนของเขาล่ะ

 

ในช่วงปี 1980 แห่งความเฟื่องฟูของเขา การค้าโคเคนสามารถทำเงินให้กับเขาราวๆ 420 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ หรือประมาณแล้ว 22,000 ล้านเหรียญต่อปี!!?

คิดเป็นเงินไทยก็เบาๆ ราวๆ 770,000 ล้านบาทเท่านั้นเอ๊งงงง

 

เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของโลก ติดการจัดอันดับผู้ที่รวยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 7 จากนิตยสารทางการเงิน Forbes ถึง 7 ปีรวดตั้งแต่ 1987-1993

 

ในช่วงปลายของยุค 1980 กิจการโคเคนของเขานับเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของการค้าขายโคเคนจากทั้งโลก แทบจะเป็นการผูกขาดตลาดไปเลยล่ะ

 

มีรายงานว่าช่วงทำเงินของเขานั้น ในทุกๆ วันเครือข่ายของเขาจะลักลอบขนโคเคนเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 15 ตัน!!?

จากการรายงานข่าวของนักข่าง Ioan Grillo เกี่ยวกับการลักลอบขนเข้ามาก็คือ Pablo จะใช้อยู่สองวิธี คือ 1 การขนส่งทางเครื่องบิน โดยบินมาใกล้ๆ ฝั่งฟลอริด้าเสียก่อนแล้วหยอดโคเคนให้ลอยบนน้ำ จากนั้นก็ใช้สปีดโบ๊ทลากขนเข้าฝั่ง

หรือ 2 โดยการบินเข้ามาตรงๆ ในแถบนอกเมืองชายแดน แล้วหยอดลงตรงนั้น จึงค่อยส่งคนไปเก็บในภายหลัง

 

ในสมัยนั้นชาวอเมริกันใช้โคเคนกันเป็นจำนวนมาก และมั่นใจได้เลยล่ะว่า 4 ใน 5 ของโคเคนที่ถูกปล่อยไปทั่วประเทศนั้นเป็นของเขาคนนี้!!?

 

ทุกๆ เดือน Pablo Escobar จะสูญเสียกำไรไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเสมอเป็นจำนวนราวๆ 2,100 ล้านเหรียญ…แต่เขาก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมาย

ปัญหาก็คือเขาฟอกเงินที่หามาได้ไม่ทัน เขาเลยต้องแอบซุกเงินเหล่านั้นไว้ใต้ทุ่งนาบ้าง โกดังบ้าง บางครั้งก็ในกำแพงบ้านของลูกน้องบ้าง ข้อมูลเหล่านี้ Roberto Escobar พี่ชายและนักดูแลบัญชีส่วนตัวของเจ้าพ่อรายนี้เคยเขียนไว้ในหนังสือของเขา

ส่วนเรื่องที่ทำให้เงินเขาสูญก็มีมากมายทั้งโดนหนูแทะกินในโกดัง เปียกน้ำจนไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือสูญหายไปซะอย่างนั้น… 2,100 ล้านเหรียญต่อเดือนเนี่ยนะ!!?

 

เขาต้องลงทุนซื้อหนังยางเดือนละ 2,500 เหรียญ (ราวๆ 87,500 บาท) เพื่อนำมามัดเงินของเขาทุกๆ เดือน!!?

การหาเงินเป็นเรื่องเก่งของน้องชาย ส่วนพี่ชายคือการดูแลและจัดระเบียบ Roberto Escobar เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่าทางบริษัทต้องสูญเงินกว่า 2,500 เหรียญต่อเดือน เพื่อซื้อหนังยางมาให้เพียงพอสำหรับการรัดเงินทั้งหมดที่น้องหามาได้

 

มีครั้งหนึ่งที่ลูกสาวของ Pablo บ่นว่าหนาว…เชาเลยใช้เงิน 2 ล้านเหรียญมาจุดไฟเพื่อให้ลูกอุ่นซะเลย

จากการสัมภาษณ์ของนิตยสาร Don Juan กับลูกชายของ Pablo Escobar ชื่อว่า Juan Pablo (ตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อเป็น Sebastián Marroquí­n แล้วล่ะ) เขากล่าวว่า

‘ตอนนั้นเราอาศัยอยู่ในที่กบดานแถบภูเขา Manuela (น้องสาว) ก็เริ่มรู้สึกหนาว คุณพ่อก็เลยใช้เงิน 2 ล้านเหรียญจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น’ Juan กล่าว

 

แต่กระนั้นเขาก็เป็นที่ชื่นชอบของคนยากไร้ จนบางคนเรียกเขาว่า ‘โรบินฮู้ด’

หลายๆ คนเรียกเขาว่าโรบินฮู้ด เพราะว่าเขามักจะแจกเงินให้คนยากจนเสมอ สร้างบ้านให้คนไร้บ้าน สร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ในท้องถิ่น สร้างสนามฟุตบอลสำหรับเด็กๆ กว่า 70 สนาม แถมสวนสัตว์ก็ยังเคยสร้างมาแล้ว!!?

 

ในปี 1991 พ่อค้ายา Pablo Escobar ก็ยอมมอบตัวให้ทางรัฐบาลประเทศโคลัมเบียจับกุม แต่…

แต่ Pablo Escobar ก็มีข้อแม้ด้วยกันว่า มันต้องเป็นคุกที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเอง เขาตั้งชื่อมันว่า “La Catedral”  ที่มีทั้งสนามฟุตบอล โซนสำหรับย่างบาร์บีคิว และจัดปาร์ตี้ แถมยังสร้างบ้านพักชั่วคราวข้างๆ ให้กับครอบครัวและญาติๆ ที่จะมาเยี่ยมอีกด้วย

ที่สำคัญก็คือภายในข้อตกลงนี้ Pablo Escobar ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาใกล้ภายในรัศมี 5 กิโลเมตร!!!

ซึ่งการมอบตัวครั้งนี้ คาดว่าเพราะเขาต้องการที่จะอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งภายในการรับรู้ของรัฐบาลโคลัมเบีย โดยสามารถป้องกันตัวจากคู่อริที่จะมาลอบสังหารเขา และเชื่อว่าเพราะเขาไม่อยากตกเป็นผู้ต้องหาของสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งเขาจะไม่มีอำนาจต่อรองอะไรได้เลยอีกด้วย

แต่แน่นอน… เขาติดอยู่ที่นี่ได้เพียง 13 เดือน เมื่อรัฐบาลโคลัมเบียเริ่มไม่เอาด้วย เขาก็ไหวตัวทัน และหนีออกไปได้ก่อนตามเคย

 

สำหรับคนที่อยากจะตามอ่านชีวิตของพ่อค้ายาระดับโลกรายนี้กันต่อ เรื่องราวถัดจากนี้ #จ่าสิบเหมียว กำลังรวบรวมและจะได้นำเสนอแบบเต็มๆ กันในโอกาสต่อไปนะครับ รอชมพร้อมกันได้ครับ….

 

รู้สึกว่าถ้ามีเงินขนาดนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไปทำอะไรเหมือนกันนะเนี่ย แต่ถ้ามีเงินแล้วไม่มีอิสรภาพก็ไม่ไหวเหมือนกันเนาะ T^T

ที่มา: BusinessInsider