ครั้งก่อน #จ่าสิบเหมียว เคยได้เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ ความสตรองของ ‘คนจีน’ ที่จะขออยู่ในบ้านเดิม ไม่ยอมย้ายออกไปไหนเด็ดขาด!! ให้เพื่อนๆ ได้ชมภาพบรรยากาศของ ‘บ้านตะปู’ ในประเทศจีนกันไปบ้างแล้ว
สำหรับความหมายของคำว่า ‘บ้านตะปู’ นั้นก็คือ เหมือนเป็นบ้านที่ยึดและฝังอยู่ตรงจุดนั้นไม่ยอมย้ายไปไหน ถึงแม้รอบข้างจะถูกซื้อหรือพัฒนาไปกันหมดก็ยังตั้งมั่นอย่างตรองไม่ยอมย้ายไปไหน ราวกับตะปูสุดท้ายบนแผ่นไม้ที่งัดเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที…
อย่างเช่นจากเรื่อง Up ปู่ซ่าบ้าพลัง ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีของบ้านตะปูเช่นกัน
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ ‘ย่านตะปู’ แห่งมหานครเซี่ยงไฮ้ Guangfuli ที่ยืดหยัดต่อต้านกระแสสังคมแม้รอบข้างพัฒนาไปหมดแล้วมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปีเต็ม
ย่านนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะเป็นโซนที่จัดได้ว่ามีราคาที่ดินแพงที่สุดในโลกย่านหนึ่งเลยทีเดียว เหตุเพราะตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน มีทั้งคอนโดหรูหรา ตึกระฟ้า แต่กระนั้น ผู้คนในย่านนี้ก็ปฏิเสธที่จะย้ายออกจากบ้านของตัวเองเพื่อให้เหล่าผู้รับเหมามาก่อสร้างเพิ่มเติมในย่าน
สำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า ที่อยู่ในย่าน Guangfuli ส่วนมากนั้นมีสภาพที่ซอมซ่อ หลายๆ บ้านปลูกผักกินเองในกล่องโฟม หน้าต่างแทบไม่มีกระจกเหลือ อาคารบางส่วนก็พังทลายลงมา เหตุผลหลักที่พวกเขาไม่ยอมย้ายออกก็เพราะไม่ได้รับเงินที่สมเหตุสมผลค่าที่ดินจากผู้รับเหมา
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนนั้นไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก ‘ในอดีตบ้านไม่ใช่สินค้า บ้านในประเทศจีนคือสิ่งที่ได้รับจากนายจ้างหรือรัฐบาลซะเป็นส่วนมาก’ ศาสตราจารย์ Greg Stein ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายจีนกล่าวไว้
ทำให้เกิดความขัดแย้งของผู้อยู่อาศัยเดิมและเหล่าผู้รับเหมาขึ้นหลายกรณี เพราะบางครั้งผู้อยู่อาศัยก็คิดว่าได้รับค่าที่ดินไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ ทำให้เกิดเหตุการณ์แนวนี้ขึ้นมาก ประกอบกับที่ประเทศจีนนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
ภายใต้กฎหมายจีนนั้น ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของคอนโดหรืออพาร์ทเม้นท์ได้ แต่สุดท้ายแล้วที่ดินก็เป็นของรัฐบาลอยู่ดี เพราะฉะนั้นรัฐสามารถสนับสนุนผู้รับเหมาเพื่อบังคับให้ชาวบ้านย้ายออกได้ ทำการเวนคืนได้
แต่หลายๆ คนก็รู้สึกว่าเงินที่ได้รับนั้นน้อยเกินไป อย่างเช่น Bian Jianhua ชาวจีนวัย 48 ปี ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่นี่กับแม่และพี่ชายของเขาในบ้านขนาด 20 ตร.ม. แห่งนี้…
สำนักข่าว Reuters รายงานเช่นกันว่า เจ้าหน้าที่รัฐพยายามบอกพวกเขาว่าจะย้ายพวกเขาไปอยู่ในสถานที่ใหม่ที่ดีขึ้นเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และนั่นก็หมายถึงการกำจัดย่านนี้และสร้างมันขึ้นมาใหม่
‘หนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่ยอมย้ายออกก็คือแม้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินและที่อยู่ใหม่ แต่ก็เป็นที่อยู่ที่ค่อนข้างแย่และแออัด แถมเปลี่ยนที่อยู่ใหม่นั้นเป็นรับเงินแทนก็ไม่ได้ด้วย’ ศาสตราจารย์ Stein กล่าว
จนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป ในภาพคือสาวน้อย Yueyue ที่ถูกอุ้มโดยคุณตาของเธอ นอกที่พักที่พวกเขาอาศัยอยู่…
แถมบางรายก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เปิดให้เช่าแทน อย่างเช่น Jiang Wei ที่มาเช่าบ้านอยู่ในแถบนี้ ด้วยราคาเดือนละ 450 หยวน หรือราวๆ 2,300 บาท (ถูกมากเมื่อเทียบกับค่าที่ดิน) ในภาพเขากำลังปรุงอาหารเย็นกับครอบครัวนอกบ้าน
Li Guoqiang คนส่งของวัย 38 ปี ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นอกบ้าน บ้านบางหลังในย่านนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะผู้รับเหมาได้ตัดไฟพวกเขาเพื่อเป็นการกดดันอีกทางหนึ่ง
Tao Weiren เจ้าของบ้านหลังเก่าที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แม้ชุมชนโดยรอบจะถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงไม่กี่หลัง…
จากการประมาณของสำนักข่าว Reuters อสังหาริมทรพย์ในย่าน Guangfuli นี้ อาจมีราคาราวๆ 12,000 เหรียญต่อ ตร.ม. (หรือราวๆ 420,000 บาท) จัดเป็นหนึ่งในย่านที่แพงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย…
และแน่นอนว่าเป็นที่หมายตาของเหล่าผู้ประกอบการและนักเลงลงทุนเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เหมือนว่าด้วยการเจรจาที่ไม่ลงรอย กระแสการพัฒนาต้องถูกหยุดไว้ก่อนล่ะ…
เพราะพวกเขาอาจจะทราบอยู่แล้วก็ได้ว่าที่ดินของพวกเขานั้นมีราคาสูงขนาดไหน ใครๆ ก็อยากได้ราคาที่สมน้ำสมเนื้อล่ะเนาะ
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.