อยากสวยต้องยอมเจ็บ!! สาวลองใช้ ‘แผ่นมาส์กหน้าลอกสิว’ เป็นครั้งแรก ร้องจ๊ากบ้านแทบแตก!!

เมื่อกล่าวถึงแผ่นมาส์กหน้าลอกสิวแล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้ถึงพิษสงของมันเป็นอย่างดี เพราะกว่าจะลอกออกมาได้หมดทั้งหน้านั้นมันช่างเจ็บปวดเหลือคณา (แต่มันก็ช่วยทำให้หน้าเนียนนะ)

และนี่คือประสบการณ์ครั้งแรกของสาวน้อยคนนี้ที่จะได้ทดลองใช้มัน…

Cachet สาวน้อยวัยนักเรียนชั้นมัธยมปลายวัย 17 ปี จากเมือง Glen Burnie รัฐ Maryland

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอได้ทำการทดลองใช้แผ่นมาส์กหน้าโคลนลอกหัวสิวเป็นครั้งแรก และมันไม่ได้เป็นไปตามที่เธอเคยจินตนาการไว้ในตอนแรก เธอเล่าว่าเธอได้ทำตามคำแนะนำของสินค้าอย่างเคร่งครัด โดยให้มาส์กทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

“ความเจ็บปวดนั้นมันมากมายจนเกินที่ฉันจะรับไหว” เธอกล่าว

*คำเตือนคลิปวิดีโอที่เพื่อนๆ จะได้ชมต่อไปนี้มีเสียงดังเน้อ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ฮร่า

หากเพื่อนๆ คนไหนไม่เห็นคลิปก็ให้คลิกเข้าไปดูที่ลิงค์นี้นะจ๊ะ

เธอได้ทำการอัดคลิปตอนที่ดึงแผ่นมาส์กหน้าออก และโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ จนตอนนี้มันก็โด่งดังในโลกออนไลน์เป็นอย่างมากเลยล่ะ ดูจากเพจ djsamyirssak ที่เอาคลิปไปลงก็มียอดวิวมากถึง 18 ล้านครั้งเลยทีเดียว

“น้ำตาของฉันไหล…แต่ผิวหน้าของฉันดูเหมือนจะนุ่มขึ้นนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในคลิปวิดีโอ 555+ เท่านั้นไม่พอเธอยังบอกอีกว่า “ฉันอาจจะซื้อเจ้ามาส์กนี้มาใช้อีกนะ”

ในคลิปวีดีโอนั้นสาวน้อย Cachet ได้สบถคำพูด พร้อมกับเสียงกรีดร้อง ที่บ่งบอกได้เลยว่ามันช่างเจ็บปวดซะเหลือเกิน

หลายๆ คนที่เข้ามาชมคลิปก็เลยสอบถามว่ามันเป็นมาส์กอะไรกัน ถึงได้ใช้แล้วดูเจ็บปวดขนาดนั้น

เธอก็ตอบกลับมาว่ามันเป็นมาสก์ลอกสิวหัวดำแบบแฮนด์เมด ยี่ห้อ PIL’ATEN ที่เธอสั่งมา (แหม่ ถึงว่าล่ะอะไรมันจะติดหนึบซะขนาดนั้น)

และแน่นอนว่าเมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไป เหล่าชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงตลก และให้กำลังใจกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับมา…

ฉันเป็นห่วงกลัวว่าใบหน้าของเธอจะหลุดออกมาซะจริงๆ แต่เธอคือนักรบตัวจริง ปรบมือให้!!

ความสวยย่อมแลกมาด้วยความเจ็บปวดเสมอ ฮร่า

ให้ตายเถอะกว่าจะสวยเนี่ยทำไมมันเจ็บแบบนี้เนี่ย เสียงของมันเหมือนกับลอกเทปกาวเลยแฮะ!!

แหม่ ถ้าอยากสวยก็ต้องยอมเจ็บกันหน่อยล่ะนะ (#เหมียวหง่าว จำได้ว่าเคยใช้มาส์กลอกสิวเสี้ยนที่จมูก แค่นั้นก็เจ็บจี๊ดแล้วนะ นี่ไปทั้งหน้า ไม่อยากจะคิดภาพเลย 555+)

ที่มา : buzzfeed