เผลอแปปเดียววันเวลาผ่านไปกว่า 15 ปีมาแล้ว สำหรับเหตุการณ์ 9/11 เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ที่เกิดขึ้นในปี 2001
กล่าวถึงฮีโร่ ที่จริงแล้วการที่จะเป็นฮีโร่ได้นั้นไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษอะไร แต่ฮีโร่นั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าการเสียสละ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อิ่นไม่ใช่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายหรือย่ำแย่ขนาดไหน
และเหตุการณ์ในวันนั้นก็ได้สร้างวีบุรุษมากมาย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่าวีรบุรุษในวันนั้น ผู้ที่วิ่งเข้าหาปัญหาขณะที่คนอื่นๆ วิ่งหนี จนสามารถช่วยเหลือผู้คนไว้ได้มากมาย แต่พวกเขาก็คงไม่รู้ ว่าจะไม่ได้กลับไปเจอบ้าน เจอครอบครัวของพวกเขาอีกแล้ว…
เจ้าหน้าที่ Moira Smith แห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก
เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายแรกๆ ที่รายงานเกี่ยวกับการจู่โจมของผู้ก่อการร้าย ในขณะที่เธอเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลเทรด เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เคยเป็นอดีตทหารผ่านศึกที่เคยรับใช้ชาติถึง 13 ปีมาก่อน ก็วิ่งเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็วเพื่อทำการอพยพผู้คน
ในวันนั้นมีผู้คนที่รอดชีวิตจากการหนีออกจากตึกหลายๆ คนจดจำเธอได้และได้เล่าว่า ‘เธอควบคุมสติได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ที่แสนกดดันนั้น’ Martin Glynn กล่าว
‘ผู้คนที่อพยพออกจากตึกนั้นรู้สึกถึงความมีสติและความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีเธอเข้ามาคอยชี้นำ ในขณะที่คนอื่นวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เธออยู่ที่นั่นเพื่อชี้นำพวกเขา ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น’ เขากล่าวต่อ
ในวันนั้นเธอได้รับยกย่องว่าช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยๆ คน แต่กระนั้น เธอกลับเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเพียงคนเดียวของกรมตำรวจนิวยอร์กที่เสียชีวิตในวันนั้น เธอไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกสาววัย 2 ขวบของเธออีกเลย…
Welles Crowther พนักงานธนาคารธรรมดาๆ คนหนึ่งสู่การเป็นฮีโร่
เขาเป็นพนักงานธนาคารผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนกับบริษัท Sandler O’Neill & Partners ที่อยู่บนชั้น 104 ของตึกเวิร์ลเทรดที่ 2 ในสถานการณ์ตอนที่เครื่องบินพุ่งชนนั้น เขายังสามารถควบคุมสติเอาไว้ได้ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือโทรหาคุณแม่ของเขา และบอกว่าเขายังโอเคในสถานการณ์นั้น
หลังจากนั้นแทนที่เขาจะรีบหนีเอาชีวิตรอด เขากลับอยู่ช่วยคนอื่นอพยพลงจากตึก มีพยานยืนยันว่าเขาแบกผู้หญิงคนหนึ่งลงจากตึกถึง 17 ชั้น แล้วก็วิ่งกลับไปยังชั้น 78 เพื่อช่วยการอพยพเพิ่มเติม
เขาสามารถออกมาจากตัวตึกได้สำเร็จ แต่ก็ยังวิ่งกลับเข้าไปในตึกอีกรอบ แต่โชคร้าย เขากลับติดอยู่ในตึกขณะที่มันถล่มลงมา และไม่ได้ออกมาจากที่นั่นอีกเลย…
Mark Bingham ตำแหน่ง CEO ของบริษัท Bingham Group
CEO บริษัทของเขาเองในวัย 31 ปี ในวันนั้นเขาอยู่ในไฟลท์ 93 เดินทางจาก Newark ไปยัง San Francisco ขณะที่คนร้ายพยายามจี้เครื่องบินลำนั้น เพื่อจะนำบินดิ่งไปชนทำเนียบขาวใน Washington D.C.
ประวัติของเขาน่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยการที่เคยเป็นนักอเมริกันฟุตบอลมาก่อน เขาเคยปลดอาวุธโจรคนหนึ่งที่พยายามปล้นเขาในอดีต เขาจึงเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้โดยสารที่วางแผนขัดขวางผู้ก่อการร้าย และสามารถทำได้สำเร็จ แต่เครื่องบินก็ได้ไปตกที่ Shanksville ในรัฐเพนซิลวาเนียแทน
ผู้ว่ารัฐฯ John McCain ได้ประกาว่า ‘เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีผู้ก่อการร้ายพยายามจะนำเครื่องบินลำนั้นพุ่งดิ่งมาชนทำเนียบขาว สัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยของประเทศเรา เป็นไปได้มากเลยทีเดียวที่ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ที่นั่น รวมถึงอีกหลายชีวิต แต่ในขณะที่ความหวังทั้งหมดดับวูบ ก็ได้มีสัญลักษณ์เล็กๆ ของความดีงามที่เรายึดถือเกิดขึ้น ผมและอีกหลายชีวิตเป็นหนี้เขาและผู้เข้าร่วม ที่ขัดขวางแผนการณ์อันเลวร้ายนั้นลงได้’
เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้โดยสารทุกคนบนเครื่อง เสียชีวิต…
Ronald Paul Bucca นักดับเพลิงแห่งเมืองนิวยอร์ก
Ronald Paul Bucca คือหัวหน้านักดับเพลิงในวัย 23 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพียงรายเดียวที่เสียชีวิตในวันนั้น เขามีชื่อเล่นในวงการว่า ‘Flying Fireman’ หรือนักผจญเพลิงเหินฟ้า เพราะครั้งหนึ่งในอดีต เขาเคยกระโดดออกจากตึกที่กำลังไฟไหม้ มีเพียงสายเคเบิลที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ และสามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นมาได้
จากการที่เคยฝึกฝนการต่อต้านการก่อการร้ายมาก่อน เขาไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยผู้คนในตึก ตอนนั้นเขากำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและการอพยพบนชั้นที่ 78 ขณะที่ส่วนนั้นของตึกถล่มลงมาพอดี ทำให้เขาเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น…
Rick Rescorla อดีตนายทหารผ่านศึกวัย 62 ปี
เขาเคยสังกัดอยู่ทั้งกองทัพอเมริกาและกองทัพอังกฤษ ตอนนั้นเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับทาง Morgan Stanley ที่ตั้งอยู่บนชั้น 44 ของตึกเวิร์ลเทรด
ขณะที่ตึกโดนเครื่องบินพุ่งเข้าชน เขาไม่ฟังเสียงตามสายที่บอกให้พนักงานทุกคนนิ่งๆ และหมอบอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง เขาพยายามอพยพผู้คนในชั้นนั้นให้ออกไป พร้อมกับร้องเพลงท้องถิ่นของประเทศอังกฤษที่เขาเคยอยู่ไปด้วย ทำให้ผู้คนฮึกเหิมและอพยพได้รวดเร็วมากขึ้น
เขาโทรหาภรรยาของเขาซึ่งกำลังร้องไห้อยู่แล้วพูดว่า ‘ไม่ต้องห่วงผมหรอก ตอนนี้ผมปลอดภัยดี ผมกำลังช่วยเหลือคนอื่นๆ อพยพออกจากตึกอยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม โปรดจงรู้ว่า ในชีวิตผมไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้มาก่อนเลย’
เขาโทรหาเพื่อนรักของเขา บอกให้ช่วยโทรไปปลอบภรรยาให้ทีก่อนจะตัดสายไป ในวันนั้นพนักงานของบริษัทเขาเกือบทั้งหมดรอดชีวิต ซึ่งเป็นเพราะความกล้าหาญและเสียสละของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเขาอีกเลย แม้แต่ศพของเขา…
น่าเศร้าจริงๆ เนาะที่พวกเขาต้องมาเสียชีวิต แต่ความเสียสละและความกล้าหาญของพวกเขา จะอยู่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราตลอดไป…
ที่มา: Aplus
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.