ถึงจะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เพราะอำนาจเงินมหาศาลของผู้ชื่นชอบที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสของการซื้อขาย ทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมายและพร้อมที่จะฆ่าสัตว์ป่าเหล่านี้เพื่อเอาสิ่งมีค่าของมันโดยไม่ลังเล
ในทวีปแอฟริกา หนึ่งในธุรกิจผิดกฎหมายที่น่ากลัวที่สุดก็คือการลักลอบฆ่าสัตว์และค้าของป่า แต่ละปีนั้นมีสัตว์ป่าที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับคนเหล่านี้ โดยเฉพาะช้างและแรด เพราะมี ‘นอ’ และ ‘งา’ ที่เหล่านักสะสมชอบนำไปประดับประดาไว้ในบ้านกัน
Pembient บริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีชีววิทยาเลยเกิดปิ๊งไอเดียสร้าง ‘นอปลอม’ ขึ้นมา จากการร้อยเรียงขึ้นมาในรูปแบบของการปริ้นท์ 3 มิติ แล้วนำไปปล่อยลงในตลาดมืดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ซะเลย!!
ปัญหาเรื่องการลักลอบตัดนอแรด
สำหรับนอแรดตอนนี้ก็ถือว่าเป็นของป่าที่ราคาสูงอย่างมาก ขายกันถึงกิโลกรัมละ 100,000 ดอลลาร์ (3.5 ล้านบาท) ทำให้แม้ว่าทางการจะมีมาตรการป้องกันยังไง ก็ยังยากที่จะรับมือกับเหล่าพรานนักล่าเหล่านี้
แค่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีแรดถูกฆ่าไปกว่า 1,300 ตัวในปี 2015 จากการรายงานของ IUCN ซีอีโอของทางบริษัทชีววิทยาแห่งนี้ Matthew Markus เลยปิ๊งไอเดียนำเคอราตินมาใช้งาน (วัตถุดิบเดียวกันกับที่เป็นส่วนประกอบของเล็บและผม)
ไอเดียก็คือนำเคอราตินมาผ่านกรรมวิธีปริ้นท์ขึ้นรูป 3 มิติ ออกมาให้เหมือนนอแรดมากที่สุด จนซีอีโอของเรากล่าวว่า ‘มันจะรู้สึกเหมือนของจริงมากๆ ทั้งรูปลักษณ์และการสัมผัสจนเป็นไม่ได้เลยล่ะที่จะสามารถแยกออกจากกันได้’
Matthew Markus ซีอีโอของ Pembient
‘ความพยายามที่จะหยุดการซื้อขายนอแรดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะอุปสงค์ที่สูงในตลาดมืด หรือแม้แต่การปลูกจิตสำนึกที่ดีนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เช่นกัน เราไม่สามารถบอกพวกเขาให้หยุดการกระทำนั้นๆ เพราะเป็นความชอบและนิยมที่เรียกได้ว่าเป็นประเพณีไปแล้วก็ได้’ เขากล่าวต่อ
แต่แทนที่จะลดอุปสงค์ของตลาด พวกเขาก็จะสร้างนอแรดปลอมจากนวัตกรรมปริ้นท์ 3 มิติขึ้น แล้วค่อยๆ ปล่อยของเหล่านี้ลงในตลาดในราคาที่ถูกกว่า และเชื่อว่าความต้องการกับความน่าเชื่อถือของเหล่าลูกค้าก็จะลดลงทีละน้อย
ปล่อยขายไปในหลายๆ จุดทั่วโลก ทีนี้ของก็จะเริ่มล้นตลาด
พออุปสงค์ของนอแรดลดลง รายได้ของเหล่านายพรานที่ลักลอบตัดนอก็จะหดหาย ทำให้พวกเขาค่อยๆ เลิกทำอาชีพนั้นๆ เพราะรายได้ไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงจากการถูกเจ้าหน้าที่ตามจับและไล่ล่า
และซีอีโอของทาง Pembient ก็กล่าวด้วยเช่นกันว่า นี่คือวิธีการเดียวที่จะสามารถอนุรักษ์เผ่าพันธุ์ของเหล่าแรดเอาไว้ได้ เพราะการลดอุปสงค์ของตลาด หรือการสร้างจิตสำนึกที่ดีนั้น ทุกๆ คนต่างก็ลองทำกันมาแล้ว แต่ก็ประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
แต่ทางกลุ่ม NGO ที่ทำงานเกี่ยวกับแรดโดยตรงก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เท่าไหร่นัก และออกมาแย้งว่า ‘กว่าร้อยละ 90 ของนอแรดที่มีขายอยู่ทั่วโลกนั้นต่างก็เป็นของปลอมอยู่แล้ว ทั้งสลักมาจากไม้หรือเขาควาย แต่การสังหารแรดก็ยังมีอยู่ต่อเรื่อยๆ ทุกๆ ปี และการปล่อยของปลอมเข้าสู่ตลาดยิ่งจะทำให้ราคาของมันสูงขึ้นไปอีก’
เจ้าแรดที่กำลังมึนยาสลบ ตื่นมาพร้อมกับพบว่านอของมันนั้นได้หายไปแล้ว
นอแรดปลอมที่ทางบริษัท Pembient ทำออกมา
รัฐบาลประเทศเคนยา เผางาช้างและนอแรดที่ยึดมาได้กว่า 105 ตัน มูลค่าของมันนั้นมหาศาลมาก
อีกราวๆ ไม่นานนี้ Markus ก็เตรียมจะไปถกเรื่องนี้ในที่ประชุมของ CITES ครั้งที่ 17 เพื่อบอกเล่าไอเดียของเขาและบริษัทแนวทางของเขาให้กับทางนักอนุรักษ์นิยมจากทั่วโลก และหาข้อสรุปในเรื่องนี้
และในอนาคตทางบริษัท Pembient ก็มีแผนการที่จะพัฒนาในการสร้างชิ้นส่วนของสัตว์ต่างๆ ให้มากขึ้นทั้งงาช้าง เขาควาย และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ต้องไปตัดและล่ามาจากสัตว์อื่นๆ อีกด้วยล่ะ
ไม่แน่นะว่าวิธีการของเขาอาจจะเป็นวิธีที่ได้ผลก็ได้นะเนี่ย ทำของปลอมที่เหมือนของจริงแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ออกมาปล่อยสู่ตลาด จนในที่สุดคนจะเลิกซื้อกันไปเอง…
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.