ถึงแม้ว่าปัจจุบันการสักจะเปิดกว้างมากขึ้น มีคนสนใจในงานศิลปะบนเรือนร่าง และเปิดใจยอมรับมันมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีกลุ่มคนที่มองว่า ‘การสัก’ เป็นเรื่องของคนไม่ดี ขี้คุก อาชญากร และเป็นต้นเหตุของปัญหาทางสังคม
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า อาชญากร มาเฟีย หรือ นักโทษเรือนจำทั้งหลาย หลายคนล้วนมีรอยสักกันทั้งนั้น แต่นั่นมันคนละเรื่องกับงานศิลปะไม่ใช่หรือ!?
เพราะคนที่ชื่นชอบในรอยสัก มีอยู่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเพศไหน ชาติไหน และที่สำคัญคนที่ชื่นชอบรอยสักไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลว
และนี่คือผลงานของช่างภาพหนุ่มจากลอนดอน Alan Powdrill กับการถ่ายภาพเพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเรานำคนที่สักทั้งตัว มาปกปิดด้วยการแต่งตัวให้มิดชิด เหมือนกับคนทั่วๆไป…
(อันที่จริงไม่ว่ารูปลักษณ์คุณจะต่างแค่ไหน ทุกคนก็คือคนที่เท่าเทียมกันนั่นแหละ)
1. Graham วัย 58 ปี
“ครั้งแรกที่ผมเริ่มสักก็เมื่อตอนอายุ 51 คุณพ่อไม่ได้ว่าอะไรเพราะเสียไปแล้ว ส่วนคุณแม่ก็เช่นกันเพราะท่านอยู่ในระยะสุดท้ายของโรคสมองเสื่อม”
2. Lillianna วัย 23 ปี
“หลังจากที่สัก ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าทัศนคติ หรือนิสัยจะเปลี่ยนไปแต่อย่างใด แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าแก่มาจะรู้สึกเสียใจกับการสักมั้ย?”
3. Dave วัย 66 ปี
“ผมสักครั้งแรกเมื่อปี 1963 ตอนนั้นผมอายุ 14 ปี จวบจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่คิดที่จะเลิกสัก”
4. Victoria วัย 37 ปี
“การสักเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของตัวตนของฉันเลยค่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉันก็ยังคงรักและภูมิใจกับรอยสักของตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะอายุ 80 ก็ตาม”
5. Alex วัย 49 ปี
“เชื่อมั้ยว่าตอนแรกที่ผมสัก ผมโดนแม่ด่าเป็นชุดเลยล่ะ ผมเลยอธิบายให้แม่ฟังง่ายๆว่า แม่นี่มันคือศิลปะการสักนะ ผมไม่ได้ไปเล่นยาอยู่ข้างถนนซะหน่อย”
6. James วัย 33
“ผมสักครั้งแรกตอนอายุ 16 เป็นรูปกิ้งก่าที่เอวของผม ครั้งแรกที่พ่อแม่เห็นท่านก็บอกว่า แกจะหางานทำได้ที่ไหน!! เชื่อมั้ยว่าทุกวันนี้ ผมได้ทำอาชีพที่รัก และมีความสุขมากๆเลยล่ะ”
7. Peter วัย 38 ปี
“หลังจากที่ผมป่วยอย่างหนัก และเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคโครห์น รอยสักช่วยทำให้เป็นคนมั่นใจมากขึ้น และช่วยปกปิดรอยแผลจากการผ่าตัดได้ดีอีกด้วย”
8. Patrick วัย 34
“รอยสักแรกของผมมันเริ่มต้นในวัย 13 และผมต้องเก็บมันเป็นความลับนานถึง 10 ปี!! มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม และแน่นอนว่าคนอย่างผมจะไม่มีวันแก่โว้ย”
เมื่อคนที่สักเต็มตัว แต่งตัวให้ดูมิดชิด ผลที่ได้ก็อย่างที่เราเห็น พวกเขาก็ดูปกติดีเหมือนกับคนอื่นๆในสังคม และนี่คือสิ่งที่ผู้รักรอยสักหลายๆคนพยายามจะบอก มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยระหว่างเรื่องของความดี-ชัว กับภาพลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้า
เพราะเรื่องของการสัก มันคือเรื่องของความชอบส่วนตัวล้วนๆ เฉกเช่นเดียวกับ แม่บ้านที่ชอบเย็บผ้า พ่อครัวที่ชอบทำอาหาร หรือหนุ่มไฟแรงที่ชอบเล่นดนตรี นั่นแหละ
ที่มา: Orzzzz
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.