ในโลกนี้เต็มไปด้วยสถานที่ลึกลับมากมาย ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่หลายที่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น้อยคนนักจะรูปประวัติ
เช่นเดียวกับสถานที่ต่อไปนี้ ที่ขึ้นชื่อว่า “ประตูสู่นรก” บางดูสวยชวนหลงไหล แต่จริงๆ มันกลับเป็นทางไปสู่นรกซะงั้น และเพราะความลึกลับนี้ จึงไม่มีใครกล้าจะพิสูจน์ว่า เป็นจริงหรือแค่เรื่องเล่ากันแน่?
1. ภูเขาไฟ Hekla ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์
เป็นหนึ่งภูเขาที่มีการปะทุมากที่สุด จนในช่วงยุคกลาง ชาวยุโรปได้ขนานนามให้ว่า “ประตูสู่นรก” ย้อนกลับไปเมื่อปี 1104 ตอนที่ภูเขาไฟ Hekla ระเบิดครั้งแรก มีลาวาไหลลงมาจากภูเขา เสมือนไฟนรกได้ปะทุขึ้นมา
ส่วนชาวบ้านที่มีความเรื่องโชคลางต่างๆ บอกว่า ภูเขาไฟเป็นที่ชุมนุมของแม่มดเพื่อคอยทำตามคำสั่งของสิ่งลี้ลับ นอกจากนี้ตำนานยังเล่าว่า ทุกครั้งที่ภูเขาไฟปะทุกขึ้น จะมีเงาดำๆ ออกมาจากภูเขาและบินวนรอบๆ
2. ภูเขาไฟ Masaya
คนพื้นเมืองของ Masaya เชื่อว่าปากสมรภูมิของชีวิตหลังความตาย พวกเขาเชื่อว่า ภูเขาไฟคือพระเจ้า โดยภายในหลุมนี้มีแม่มดอาศัยอยู่
ที่ได้ชื่อว่า ประตูสู่นรก เนื่องจากที่นี่ตรงกับในคำพยากรณ์ในพันธสัญญาใหม่ ที่อธิบายถึงนรกว่าเป็นดินแดนที่ไฟลุกโหมในหลุมลึกที่ไม่มีจุดจบ และพ่นควันตลบกลบแสงตะวัน ในไบเบิลกล่าวชัดเจนว่า นรกถูกตระเตรียมไว้สำหรับปีศาจ ยมทูต ซาตาน คณะบาทหลวงนำไม้กางเขนปักลงปากปล่อง มันตั้งอยู่เรื่อยมาอีกตลอดห้าร้อยปีจนเกิดการปะทุครั้งใหม่จึงหายไป
ในยุคกลาง ชาวคริสต์เชื่อว่าซาตานได้ก่อกบฏต่อต้านพระเจ้า จึงถูกจับโยนลงจากสวรรค์ ลงสู่ใต้โลกผ่านรอยแยกขนาดใหญ่ สู่หลุมที่ลึกลงไปใต้ผืนโลก และนักบวชต่างย้ำเชื่อหนักหนาว่า ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาคือดินแดนปีศาจที่ปกครองโดยซาตาน
3. นรกแห่งเซนต์แพทริก
ตำนานของชาวไอริชเซนต์แพททริกนั้น มีความเกี่ยวข้องกับเกาะ Station ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ของประเทศไอร์แลนด์
ตามตำนานเล่า หลังจากแพทริกสร้างความผิดหวังให้กับบรรดาลูกศิษย์ พระคริสต์จึงปรากฏตัวขึ้น และนำเขาไปยังถ้ำที่อยู่ในเกาะ Station
ภายในถ้ำนั้นมีหลุมที่เรียกว่า ประตูสู่นรก ที่มีไว้สำหรับลงโทษวิญญาของคนชั่ว ก่อนที่จะนำพวกเขาไปสวรรค์ในภายหลัง และวิญญาณของแพททริกก็ได้ถูกนำมาที่นี่เช่นกัน
ต่อมาในปี 1632 ไอร์แลนด์ก็มีคำสั่งให้ปิดถ้ำแห่งนี้ และตำนานต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถูกทำลายเช่นกัน แต่เหล่านักแสวงบุญยังคงแวะเวียนมาที่นี่ เพื่อมาอดอาหารธิษฐาน เพราะเชื่อว่าเป็นการได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า
4. Chinoike Jigoku
เป็นน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า ‘บ่อนรก’ เพราะมีโคลนสีแดงเหมือนเลือด ตั้งอยู่ในเมือง Beppu จังหวัดโออิตะ มานานกว่า 1300 ปีแล้ว
ตามตำนานเล่าว่ามันคือทางเข้าไปสู่โลกหลังความตาย ถ้าใครพลาดตกลงไป ยากที่จะมีชีวิตกลับมา เพราะน้ำมีอุณหภูมิสูงถึง 78 องศาเซลเซียส
5. ถ้ำ Sybil
Cumean Sibyl เป็นทางไปสู่นรก ที่อยู่ในอุโมงค์ Naples ใกล้กับ Baiae ที่ได้ชื่อว่า เป็นประตูส่นรก เพราะรูปแบบของอุโมงค์ มีลักษณะสอดคล้องกับคำอธิบายใน Aeneid ซึ่งเป็นเรื่องราวของ Aeneas ที่เดินทางไปนรกและได้กลับมา
ดังนั้นถ้ำ Sibyl ซึ่งเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกที่มีชีวิตอยู่กับโลกแห่งความตาย
6. ประตูเจ็ดสู่นรก
ประตูเจ็ด (Seven Gates) ต้องอยู่ที่แม่น้ำ Susquehanna ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมือง Hellam ในสหราชอาณาจักร
ตามตำนานเล่าว่า ประตูทั้ง 7 นั้น มีเพียงประตูเดียวที่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางวัน นอกนั้นจะเห็นเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น
เดิมนั้นที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลบ้า แต่เกิดเหตุการไฟไหม้ ทำให้ป่วยหลบหนีออกมา แต่มีประตูเจ็ดบานที่ไม่สามารถเปิดได้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หรือหากใครรอดมาก็จะถูกฆ่าตาย
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ประตูเจ็ด เกี่ยวข้องกับหมอประจำท้องถิ่น ที่สร้างประตูขนาดใหญ่ไว้ เพื่อเก็บสมบัติของตัวเอง บางคนบอกว่า ประตูเหล่านี้นำไปสู่ป่าลึกที่ซ่อนอยู่ปลายถนน และใครก็ตามที่เดินไปถึงประตูที่ 5 จะไม่ได้กลับออกมาอีก
7. ถ้ำ Cape Matapan
ตั้งอยู่ในประเทศกรีซ เป็นหนึ่งในทางเข้าที่ชาวกรีกขนานนามให้ว่า ‘ทางสู่นรก’ เล่ากันว่า เป็นเส้นทางที่ไปช่วยชีวิต Eurydice ในนรก
และในคำอธิบายของกรีซตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ยังบอกอีกว่า เฮอร์คิวลีสได้ช่วย Cerberus (สุนัขหลายหัวที่คอยปกป้องประตูนรก) ออกมาจากนรก โดยผ่านเส้นทางนี้เช่นกัน
แต่ปัจจุบันนั้นเปิดให้เข้าไปเที่ยวชมได้ แต่ต้องใช้เรือเพื่อผ่านประตูนรก
8. Mexican Cenotes ประเทศเม็กซิโก
แม้จะดูเป็นถ้ำที่สวยงาม ที่แต่ที่นี่กลายเป็นสถานที่ฝังศพ และเมื่อปีที่แล้วนี่ก็มีบุคลนิรนามมาเสียชีวิตที่นี่เช่นกัน ตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกของเขาที่คอยจ้องมองนักดำน้ำที่มาเยือนที่นี่
และที่หลอนไปกว่านั้น โครงกระดูกอยู่นางเอื้อมไปรับแสงที่ตกกระทบตรงปากถ้ำพอดี ไม่ใช่แค่ศพเดียวเท่านั้น ที่นี่มีมีศพมากกว่า 125 ศพ โดยไม่มีใครรู้ว่า พวกเขามาตายที่นี่ได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งพวกเขาเป็นใคร ก็ไม่มีใครรู้
9. ภูเขา Osore คาบสมุทร Shimokita ประเทศญี่ปุ่น
เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น (เป็นที่รู้จักกันว่า ภูเขาแห่งไฟหรือภูเขาแห่งความกลัว) ถูกขนานนามว่าเป็นทางสู่นรก ที่มีอาณาเขตติดกับแม่น้ำ Sanzu
แม่น้ำ Sanzu เป็นแม่น้ำที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของพุทธศาสนาว่า ดวงวิญญาณของผู้ตายต้องข้ามไปให้ถึงเพื่อไปสู่ชีวิตหลังความตาย
แต่คุณจะได้ไปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าตอนมีชีวิตอยู่คุณทำอะไรไว้บ้าง แม่น้ำ Sanzu จะเป็นผู้สำรวจการกระทำของคุณทั้งหมดที่ผ่านมา
คนทำดีจะข้ามสะพานที่มีอุปสรรค ทุกอย่างจะราบรื่น แต่หากใครทำชั่วไว้มาก จะได้ข้ามสะพานที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ที่มีทั้งงูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นอีกมากมาย
10. Ploutonion
เป็นเมืองโบราณของ Hierapolis ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศตุรกี ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำไปสู่ Pluto ซึ่งเป็นเทพแห่งความตาย
แต่เพิ่งจะถูกค้บพบในปี 1965 นักโบราณคดีจึงประกาสให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในปีเดียวกันนี้…
ก๊าสที่เกิดจากความร้อนของน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของ Pamukkale มาจากใต้ถ้ำ และระเหยออกมาเป็นพิษ ชาว Hierapolis เชื่อว่า ก๊าสเหล่านี้ส่งมากจากเทพ Pluto ซึ่งเป็นพิธีกรรมหนึ่งจะนำไปสู่นรก
แต่ก็มีนักแสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่นี่เพื่อถวายชีวิตให้กับ Pluto เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อท่าน
บางที่ดูสวยและน่าไปมาก แต่พอรู้ประวัติแล้ว ขอบายดีกว่า
ที่มา mirror l gizmodo l theghostdiaries
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.