อาจจะไม่ใช่หนังที่ถูกคอเหล่าแฟนๆ เท่าไหร่ แต่สำหรับเหล่านักวิจารณ์แห่ง Metacritic นั้น นี่คือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว!!
และนี่ก็คือ 10 สุดยอดหนังที่ได้รับเรทติ้งดีที่สุดจากบรรดาเหล่านักวิจารณ์ มาดูกันเลยว่าใน 10 อันดับนี้ จะมีหนังเรื่องโปรดของเพื่อนๆ กันบ้างรึเปล่า…
10. “Ratatouille” (2007)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 96/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8.6/10
ผลงานของ Pixar เรื่องราวของหนูตัวน้อย Remy ที่เผอิญเกิดมาไม่เหมือนพี่น้อง พร้อมกับความสามารถในการแยกแยะกลิ่นและความลุ่มหลงในการทำอาหารเนื่องจากสมัยยังเด็กไปเจอหนังสือทำอาหารของ Auguste Gusteau ยอดเชฟมือทองของฝรั่งเศส
เส้นทางของเขามาบรรจบกับ Alfredo เจ้าหนุ่มที่ฝึกงานอยู่ในร้านอาหารชื่อดังในเส้นทางของการเป็นยอดกุ๊กที่กำลังลำบาก และมันได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเขา!!
9. “Dr. Strangelove or: How I Learned to Stop Worrying and Love the Bomb” (1964)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 96/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8.3/10
เมื่อชะตากรรมของโลกตกอยู่ในมือของเหล่าผู้วิตถาร นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ เหตุเกิดขึ้นในสมัยสงครามเย็นที่ทั้งฝั่งประชาธิปไตยตะวันตกและคอมมิวนิสต์ตะวันออก ต่างสะสมหัวรบนิวเคลียร์เพื่อเตรียมห้ำหั่นกัน
เป็นหนังตลกร้ายที่วิพากษ์วิจารณ์การเมืองได้อย่างเจ็บแสบเลยทีเดียว ผลงานของผู้กำกับมือทองหาตัวจับยาก Stanley Kubrick
8. “Ran” (1985)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 96/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8.3/10
ในยุคกลางของญี่ปุ่นสมัยที่ซามูไรเรืองอำนาจ เรื่องราวของ โชกุนฮิเดโตราผู้สร้างความยิ่งใหญ่จากการปราบปรามและเข่นฆ่าศัตรูอย่างโหดเหี้ยม ต้องการวางมือโดยการแบ่งอาณาจักรให้กับลูกชายของเขาทั้ง 3 แต่ลูกชายคนสุดท้ายของเขาชอบพูดตรงเกินไป จึงถูกเขาขับไสไล่ส่งไป
ซึ่งนานๆ ไปเขากลับรู้สึกเสียใจอย่างมาก ยิ่งโดยตอนที่ลูกคนแรกของเขากลับมาหักหลังเขาด้วยการยุยงของภรรยา แถมถูกลูกคนกลางผลักไสอย่างไม่ใยดีจนสิ้นไร้ไม้ตอก ลงเอยด้วยการกลายเป็นโชกุนตกอับในที่สุด
7. “12 Years a Slave” (2013)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 97/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8/10
โซโลมอน นอร์ธัป เสรีชนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันชาวนิวยอร์กผู้ถูกลักพาตัวในวอชิงตันดีซีในปี 1841 โดยชายสองคนที่หลอกว่าจะเสนองานให้กับเขา
ซ้ำร้ายเขายังถูกขายเป็นทาส ต้องทำงานในโรงฝ้ายในรัฐลุยเซียนาเป็นเวลาสิบสองปีกว่าจะได้รับการปลดปล่อย และพบเจอกับอิสรภาพอีกครั้งในท้ายที่สุด
6. “4 Months, 3 Weeks and 2 Days” (2008)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 97/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 7.9/10
เผด็จการอยู่รอบตัวเรา หนึ่งในหนังที่ดังที่สุดจากโซนยุโรปในช่วงที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเทศหนึ่งที่อยู่ในช่วงสงคราม การทำแท้งจึงถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรงเพราะจะไม่มีกำลังพลใหม่
แต่ในทางกลับกัน ทำให้สถิติทำแท้งเถื่อนนั้นสูงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะประชาชนไม่อยากให้ลูกๆ เป็นทหารและตายในสงคราม!!!
5. “Hoop Dreams” (1994)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 98/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8.2/10
ภาพยนตร์ที่ตามติดชีวิตของเด็กหนุ่มชิคาโกสองคนที่ต้องการจะเป็นนักบาสเก็ตบอลให้กับมหาวิทยาลัยของเขา และต้องดิ้นรนเพื่อเข้าสู่เส้นทางนักบาสอาชีพ นี่คือภาพยนตร์ที่ใช้พวกเขาจริงๆ เป็นนักแสดง
ต้องต่อสู้กับทั้งความอยุติธรรมในสังคม การฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย ความสำเร็จ ความสิ้นหวัง และการให้กำลังใจอยู่เคียงข้างโดยครอบครัว ทุกๆ สิ่งที่ ‘เป็นจริง’ สามารถชมได้เต็มๆ จากเรื่องนี้
4. “Pan’s Labyrinth” (2006)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 98/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 8.6/10
หนูน้อยผู้เสียพ่อไปในสงคราม ซ้ำแม่ก็ยังไปแต่งงานใหม่กับหัวหน้าทหารจอมโหด เธอต้องระหกระเหินย้ายมาอยู่กับแม่ในป่าที่ค่ายทหารจนเธอได้พบเขาวงกตประหลาดและสัตว์ในตำนาน
ที่นั่น การผจญภัยของเธอจึงได้เริ่มขึ้นทั้งโลกแห่งเทพนิยาย และท่ามกลางสมรภูมิรบอันร้อนระอุ ใจกลางสงครามกลางเมืองของประเทศสเปนในอดีต
3. “Moonlight” (2016)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 99/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 7.5/10
เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์และการพยายามค้นพบตัวเองนั้นมีให้เห็นกันอยู่ตลอด เรื่องนี้ก็เช่นกัน เด็กน้อยที่ต้องการรู้ว่าตัวของเขานั้นเป็นใคร ตลอดชีวิตของเขานั้นพยายามสืบเสาะเรื่องนี้มาตลอดขณะที่เขาเติบโตขึ้นมาในไมอามี่ ประเทศสหรัฐฯ
2. “Three Colors: Red” (1994)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 100/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 7.9/10
ภาคสุดท้ายของซีรีย์ภาพยนตร์ไตรภาคชุดนี้ เล่าเรื่องโดยการเกี่ยวโยงเรื่องราวของผู้คนรอบตัววาเลนทีน ในสังคมที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมมนุษย์
และเธอก็แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนั้นก็ยังมีจุดอ่อน ท้ายที่สุดก็ต้องกลับไปใช้วิธีตามเดิม นั่นคือแก่นของความรัก ถึงทุกวันนี้คิดถึงก็แค่โทรหา แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องอยากเจออยู่ดี สะท้อนให้เห็นว่าสมัยก่อนรักเป็นอย่างไร ทุกๆ วันนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมนั่นเอง
1. “Boyhood” (2014)
คะแนนจากนักวิจารณ์: 100/100 คะแนนจากผู้ชมทั่วไป: 7.7/10
เรื่องราวของครอบครัวที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็กชายคนหนึ่ง ใช้เวลาถ่ายทำถึง 12 ปีด้วยกัน ติดตามเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กผู้ชายคนนี้ Ellar Coltrane ตั้งแต่วัย 6 ขวบถึง 12 ปี
อีกทั้งตัวละครแต่ละคนที่ถูกถ่ายทอดออกมาตลอดทั้งเรื่องก็จับต้องได้ว่ามีลักษณะและนิสัยแบบไหน เห็นพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบก็คาดเดาไม่ได้ว่าแต่ละคนจะมีพัฒนาการต่อไปเช่นไร
นั่นทำให้ Boyhood คือภาพยนตร์ที่เปิดกว้างแบบสุดๆ เพราะไม่ทำหน้าที่ตัดสินหรือกำหนดอะไรแบบตายตัวได้เลย และนี่ก็คือความสุดยอดของเรื่องนี้ล่ะ!!
เป็นยังไงกันบ้างล่ะเพื่อนๆ มีเรื่องโปรดของเพื่อนๆ กันบ้างรึเปล่าเอ่ยยย?? อิอิ
ที่มา: BusinessInsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.