ถึงแม้ว่าเรื่องราวการผจญภัยในโลกเวทมนตร์ของ ‘แฮร์รี่ พ็อตเตอร์’ จะจบลงไปแล้ว โดยเหลือไว้ซึ่งความทรงจำดีๆของหนัง ที่มีต่อแฟนๆทั่วโลก กับช่วงระยะเวลาหลายปีที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้โตไปพร้อมๆกับเหล่านักเรียนในฮ็อกวอร์ต
ถึงแม้ว่าหนังภาคต่อของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ จะยังไม่ถูกพูดถึงในค่ายหนัง แต่ก็ยังมีหนังใหม่ที่กำลังจะเข้าฉายอีกหนึ่งเรื่องให้แฟนๆได้หายคิดถึงกันบ้างกับ ‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’
เรื่องราวการผจญภัยของนักเขียน Newt Scamander ผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนพ่อมด แม่มด แห่งเมืองนิวยอร์ค ซึ่งเป็นเรื่องราว 70 ปี ก่อนที่แฮร์รี่ จะได้อ่านหนังสือของเขาในโรงเรียนเวทย์มนตร์
เราไปดูกันเลยดีกว่ากับ 16 เรื่องที่แฟนๆควรรู้ ก่อนเข้าไปชมหนังเรื่องใหม่ที่กำลังจ่อคิวเข้ามาฉายในบ้านเราอีกไม่นาน
12. เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แต่เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
J.K Rowling เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในหนังเรื่องนี้เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนโลกของแฮร์รี่ แต่ในความเป็นจริงทั้งสองเรื่องไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกัน
ซึ่งในโลกของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ หนังสือของ Newt Scamander ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1927 นอกจากจะได้เป็นหนังสือขายดียอดเยี่ยมตลอดกาลแล้ว ยังได้รับการอนุมัติให้เป็นหนังสืออ่านเล่นสำหรับนักเรียนในฮอกวอร์ตอีกด้วย ซึ่งในช่วงที่แฮร์รี่ได้รู้จักหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นการตีพิมพ์ครั้งที่ 52 แล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกจากแฟรนไชส์ แฮร์รี่ฯ ที่ไม่ได้มีการอ้างอิงเนื้อเรื่องจากวรรณกรรมชิ้นเอก
11. Ezra Miller ตัวละครที่ได้แรงบันดาลใจจาก Humphrey Bogart
ถ้าคุณยังไม่รู้จัก Ezra Miller ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะเดี๋ยวเมื่อไหร่ที่หนังเข้าเราจะได้เห็นบทบาทของตัวละครคนนี้
อดีตเขาคือแฟนตัวยงของหนังแฮร์รี่ฯ แต่ทว่าโชคดีสุดๆที่ได้รับบทมาแสดงในหนังภาคแยกนี้ ซึ่งตัวละครที่เค้ารับบทแสดงนั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอดีตนักแสดงชายชาวอเมริกันที่ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมตลอดกาล ‘Humphrey Bogart’
10. เหล่านักแสดงในเรื่องนี้ ต่างชื่นชมการทำงานร่วมกับผู้กำกับ David Yates
David Yates เคยกำกับหนังแฮร์รี่ฯ มาแล้ว 4 ภาค คงไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าการที่เหล่านักแสดงออกมาพูดถึงผู้กำกับว่า ยอดเยี่ยมแค่ไหนที่ได้ทำงานร่วมกับเขา
Alison Sudol หนึ่งในนักแสดงให้สัมภาษณ์ว่า “เขาเป็นผู้กำกับที่ใจดีมาก มักจะเปิดกว้างและให้พื้นที่เราแสดงความสามารถอยู่เสมอ และตลอดการแสดงทั้งเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกเราคาดหวัง”
แบบนี้ก็ยิ่งอยากดูไวๆ เพราะขนาดนักแสดง และผู้กำกับเค้ายังออกมาบอกเลยว่า เบื้องหลังกองถ่ายอบอุ่นกันขนาดไหน
9. Eddie Redmayne และไม้กายสิทธิ์ที่นักแสดงเลือกเอง
พ่อหนุ่ม Eddie จะเข้ามารับบทบาทของ Newt Scamander ซึ่งจากไม้กายสิทธิ์ของเขา ที่ดูเรียบง่ายและธรรมดาๆ มันสามารถสะท้อนให้เราเห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละครนี้ได้ตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย
“เหตุผลที่ผมเลือกไม้นี้เอง เพราะคิดว่า Newt เป็นนักเขียนที่มีนิสัยสุขุม เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน และเขาก็ไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนอะไรเลย เขาเป็นตัวละครที่มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งต่างๆ แต่ก็แน่วแน่ต่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ
คุณจะเห็นได้ว่าไม้คาทาอันนี้มันถูกเหลามาหน่อยๆ ถ้าสังเกตุดีๆ นั่นก็เพราะว่ามันแสดงให้เห็นว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากมือของคนจริงๆ”
8. J.K. Rowling จะเขียนบทภาพยนตร์เอง สำหรับเรื่องนี้ ทั้ง 5 ภาค
นักเขียนวรรณกรรมผู้โด่งดังคนนี้ เธอออกมาบอกเองเลยว่า ‘Fantastic Beast’ เป็นเพียงแค่ตอนแรก ของเนื้อเรื่องทั้งหมด 5 ตอน
อีก 2 ภาคมีกำหนดการฉายแล้วในปี 2018 และ 2020 และทุกเรื่องเธอเป็นคนกำกับบทภาพยนตร์เองทั้งหมด ได้ตัวผู้สร้างออกมากำกับเองแบบนี้ มันต้องสนุกมากแน่ๆ
7. ไม่ได้ถ่ายทำที่ New York เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าเรื่องราวในหนังจะเกิดขึ้นที่ New York ในอดีต แต่เชื่อมั้ยว่าเบื้องหลังการถ่ายทำ ทีมงานและนักแสดงไม่ได้เดินทางไปถ่ายทำที่นิวยอร์คจริงๆ
และเกือบตลอดทั้งเรื่องถูกถ่ายทำที่ Leavesden Studio ในลอนดอน แต่เพื่อความสมจริงต้องใช้คนงานมากถึง 350 ชีวิต ในการเซ็ตฉากให้ออกมาเนียนที่สุด
6. ใช้เทคนิคที่แตกต่างออกไป ในการสร้างสิ่งมีชีิวิตอันน่ามหัศจรรย์ในหนัง
สิ่งมีชีวิตในโลกเวทมนตร์แต่ละตัวในเรื่องนี้ ถูกออกแบบและใช้เทคนิคที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Pickett สิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนต้นไม้ขนาดเล็ก ถูกสร้างโดยอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการแสดงหุ่นกระบอก
อีกทั้งในเนื้อเรื่องเราจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แน่นอนว่าหลายๆตัวเราไม่เคยเห็นพวกมันในโลกของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แล้วแบบนี้จะพลาดได้ไงล่ะ?
5. ใช้ทีมกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ จากแฮร์รี่ พ็อตเตอร์
Miraphora Mina และ Eduardo Lima ทั้งคู่คือกราฟฟิคดีไซน์เนอร์มือเก๋า ที่เคยฝากผลงานไว้กับหนังแฮร์รี่ฯ มาแล้ว คราวนี้ทั้งคู่จะมาเนรมิตให้เราได้รู้สึกถึงนิวยอร์ค ในยุค 20s อย่างสมจริงที่สุด
“สำหรับเราแล้ว ยุค 50s และ 60s เป็นอะไรที่เจ๋งที่สุด แต่เชื่อมั้ยว่าหลังจากที่ได้ทำกราฟฟิคให้หนังเรื่องนี้แล้ว ฉันคิดว่ายุค 20s เนี่ยแหละ วิเศษที่สุดไปเลย”
ซึ่งงานนี้ทั้งคู่ต้องไปใช้ชีวิตในนิวยอร์คจริงๆอยู่หลายสัปดาห์ เพื่อที่จะซึมซับบรรยากาศ และเก็บรายละเอียดปลีกย่อยของความเป็นชาวเมืองนิวยอร์คเกอร์ในอดีตไว้ทั้งหมด
4. Eddie Redmayne ใช้หนังแฮร์รี่ฯ เป็นแรงบันดาลใจในการแสดง
จากการให้สัมภาษณ์ของพระเอกกับสื่อ EW เขาบอกว่าตอนแรกค่อนข้างที่จะกังวล กับการที่ต้องแสดงร่ายเวทย์มนตร์ อะไรทำนองนั้น ซึ่งถือว่าเป็นงานช้างสำหรับเจ้าตัว
เพราะเขาต้องกลับไปย้อนดู แฮร์รี่ฯ ทุกภาค และเรียนรู้ท่าทางการร่ายเวทมนตร์ของตัวละครทุกตัว เพื่อที่จะได้กลั่นออกมาเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของตัวเขาเอง รับรองว่างานนี้คุณภาพเน้นๆแน่นอน
3. David Yates ตอบรับทันที หลังจากได้อ่านสคริปต์หนัง
ตอนแรกเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกไม่แน่ใจกับการเข้ามากำกับโลกแห่งเวทมนตร์อีกครั้ง แต่ทว่าหลังจากที่เขาได้อ่านเนื้อเรื่องของ ‘Fantastic Beast’ เขาก็ตอบตกลงทันที
ซึ่งทางผู้กำกับได้อธิบายถึงหนังเรื่องนี้ไว้ว่า “มันเปี่ยมไปด้วยความคลาสสิค เรียบง่าย แต่โดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อ และหนังจะพาคุณย้อนไปในช่วง 1920s รับประกันได้เลยว่าคุณต้องไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
2. แล้วทำไมถึงต้องย้อนไปในยุค 1920s ?
เจ เค ออกมาอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า สาเหตุที่เธอต้องการย้อนกลับไปในช่วง 20s ก็เพราะมันเป็นยุคสมัยที่ทั้งโลกกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติการณ์ ทุกคนต่างตื่นตระหนก และหวาดกลัว มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลให้ผู้คนต้องเลือกที่จะออกมาแสดงถึงจุดยืนของตนเอง
จะมีอะไรเจ๋งไปกว่าการที่เราได้เห็น โลกคู่ขนานเมื่อหลายทศวรรษก่อน ที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาด้วยระบบสมัยใหม่ อีกทั้งเนื้อเรื่องยังจะสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้นอีกด้วย
1. เป็นการเข้ามาเขียนบทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง ครั้งแรกของ J.K. Rowling
นับว่าเป็นครั้งแรกที่นักเขียนชื่อดัง จะลองเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้เขียนและกำกับบทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องคุณภาพ และสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมา เพราะผู้สร้างได้ลงมากำกับเองซะขนาดนี้
Eddie Redmayne เคยให้สัมภาษณ์ถึงครั้งแรกที่เขาได้เห็นสคริปต์ของหนังเรื่องนี้ “ครั้งแรกที่เห็นผมคิดไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง แต่รู้สึกได้ว่ามันเจ๋งเป็นบ้า เพราะสคริปต์การแสดงของเธอมันช่างแตกต่าง และดูเหมือนวรรณกรรมสุดๆ ผมมั่นใจได้เลยว่า จะทำให้คุณกลับไปรู้สึกเหมือนดูแฮร์รี่ฯอีกครั้ง แต่อยู่ในฝั่งของนิวยอร์ค ยุคแห่งดนตรีแจ๊ซ และการควบคุมสิ่งต่างๆ”
อีกไม่นานหนังก็จะเข้ามาฉายในบ้านเราแล้ว ตอนนี้เราก็ดู Trailer กระตุ้นต่อมความอยากไปก่อนแล้วกันเนาะ
เป็นหนังที่จะทำให้ทุกคนได้กลับไปสัมผัสโลกเวทมนตร์อีกครั้ง อยากให้ถึงวันเข้าฉายเร็วๆจัง
ที่มา: Therichest
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.