ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ใครหลายคนน่าจะได้เห็นชื่อของแอนิเมชั่น Your Name วนเวียนอยู่ในอินเตอร์เน็ต ตามหน้านิวฟีดส์ทั้งวีทั้งวัน พร้อมกับคำวิจารณ์สุดอวยว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้
แถมยังให้คะแนนดีอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ #เหมียวฟิ้นก็เลยขอไปพิสูจน์กับเขาหน่อยว่าดีจริงตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างหรือเปล่า
แอนิเมชั่นเรื่อง Your Name กำกับโดย มาโกโตะ ชินไค เป็นเรื่องราวของ “ทากิ” วัยรุ่นหนุ่มจากเมืองหลวง และ “มิซึฮะ” วัยรุ่นสาวจากชนบท ที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองนั้นสลับร่างกับอีกคนหนึ่ง ทำให้ต้องใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองไม่เคยมาก่อน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขากลับได้เรียนรู้ว่าต่างคนก็กำลังทำให้ชีวิตของอีกฝ่ายดีขึ้นแบบไม่รู้ตัว และโหยหาชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นสายสัมพันธ์บางอย่างที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง จนต้องออกตามหาว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่
(ออกตัวก่อนว่า#เหมียวฟิ้นไม่เคยดูแอนิเมชั่นของมาโกโตะ ชินไค ฉะนั้นจะไม่ได้มีการนำไปเปรียบเทียบกับเรื่องไหนๆ นะ) สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงงานด้านภาพ เรื่องนี้ทำภาพมาดีมากกก
ทุกการเคลื่อนไหวของตัวละครจะละเอียดมากเหมือนกับคุณกำลังชมการแสดงจากนักแสดงจริงๆ ลุก เดิน วิ่ง เอี้ยวตัวเล็กๆ น้อยๆ หรือการเขียนกระดานหน้าชั้นเรียนก็ขยับมือได้ตามตัวอักษรเป๊ะๆ
ตัวแอนิเมชั่นเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างฝั่งพระเอกและนางเอก แต่คุณจะไม่งงเลยว่าพวกเขาเป็นตัวจริงหรือกำลังสลับร่างกันอยู่ นั่นก็เพราะการเคลื่อนไหวของตัวละครจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เสียงพากย์ (ญี่ปุ่น) ของตัวละครทั้งสองก็ทำออกมาได้ดีมาก พากย์ได้น่ารักและอินจริงๆ
ส่วนเพลงประกอบ ที่ต้องขออวยเลยว่าเพราะทุกเพลง ทุกครั้งที่เพลงขึ้นแม้เราจะไม่เข้าใจในความหมายทั้งหมด แต่มันก็ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเรื่องราวได้ดีมาก (แอบไปถาม Universal Music มา เขาบอกว่าจะมี CD เพลงวางขายไม่ปลายเดือนนี้ก็ต้นเดือนหน้าด้วยแหละ)
เหตุการณ์ส่วนใหญ่ในเรื่องจะเกิดขึ้นที่เมืองอิโตโมริ เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ติดกับภูเขาในญี่ปุ่น ซึ่งในหนังถ่ายทอดออกมาได้สวยงามมาก มากจนดูจบแล้วเราอยากจะตีตั๋วไปเที่ยวตามรอยหนังเรื่องนี้ให้ได้เลย
โดยรวมแล้วตัวหนังเล่าเรื่องได้อย่างอบอุ่น มีความตลกของตัวละครให้เราหัวเราะก๊าก แต่พอถึงช่วงขยี้อารมณ์ก็ทำเอาน้ำตาซึมได้เลย
รอบที่เราไปดูมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปดูด้วยคือ #เหมียวเลเซอร์ เจ้าตัวบอกว่า “จบเรื่องแล้วฟีลกู๊ดดีครับ แนะนำว่าคนโสดดูได้ คนมีคู่ก็ดูดี เอาเป็นว่าตีตั๋วไปดูเถอะ ไม่เสียดายเลย”
ลองชมตัวอย่างประกอบการตัดสินใจได้นะ
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้มีดีที่การเล่าเรื่อง ทำให้เราเชื่อว่าเรื่องราวความรักของพวกเขาไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน (แม้มันจะแฟนตาซีมาก) มันทำให้เราอิน ทำให้เราลุ้นและอยากให้พวกเขาได้เจอกัน
และยิ่งตอนสุดท้ายที่ขมวดทุกเรื่องเรา ทำเอา#เหมียวฟิ้นร้องไห้โฮกลางโรงหนังเลย (นี่ถ้าดูที่บ้านจะร้องแบบไม่อายชาวบ้านเลย) ฉะนั้นใครที่ลังเลว่ามันคือการ์ตูนญี่ปุ่น หรือกลัวว่าจะไม่อิน รับร้องว่ายังไงก็ต้องมีน้ำตารื้นกันบ้างแหละ!!
เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.