แม้ว่าเพื่อนๆ จะทราบกันดีว่า “การวิ่ง” ดีต่อสุขภาพกายและใจแค่ไหน แต่ก็พาตัวเองไปออกกำลังกายได้ยากเหลือเกินนนน…#ก้มมองที่พุงสะสมหนาหลายชั้น พร้อมนึกถึงเวลาที่เพื่อนชวนก็ดันมีข้ออ้างว่า “ไม่มีเวลา” ซะงั้น ทั้งๆที่เรามีเวลาถึง 1,440 นาทีเหมือนกัน แต่การไปออกกำลังกายไม่เกิน 30 นาที กลับทำไม่ได้…
วันนี้มีเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ เป็นของคุณกิ มนต์ชัย ตระกูลภูชัย วิศวกรหนุ่มด้านซอฟต์แวร์ระดับซีเนียร์ ที่เปลี่ยนตัวเองด้วยการวิ่ง เริ่มที่หนุ่มกิใช้ชีวิตในแบบมนุษย์เงินเดือนตามสูตรคนรุ่นใหม่เป๊ะ นั่นคือ “Work Hard&Play Harder” แต่ไร้ Workout
จาก Eat Hard สู่ Work Out
นี่แหละที่ทำให้รูปร่างที่เคยเป็นหนุ่มสันทัดกลับกลายเป็นหนุ่มเจ้าเนื้อไปนิด แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร จน
จุดพีคที่รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ช่วงน้ำท่วมใหญ่ ผมต้องช่วยขนกระสอบทรายช่วยที่บ้าน แต่แทนที่เราจะเป็นกำลังหลัก ปรากฏว่า เราเหนื่อยหอบ เรี่ยวแรงยังสู้คุณพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ วินาทีนั้นผมเฟลนะ “ทำไมคนวัยหนุ่มอย่างเรา ถึงอ่อนแอกว่าพ่อ”
และคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง จึงคิดที่จะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเลยเริ่มต้นจากการไปสมัครฟิตเนส แล้วก็เปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่แย่ๆ ทั้งหมด
ผลจากการหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังบวกกับภาวะความเครียดจากน้ำท่วม ทำให้กิรีดไขมันรอบเอวได้อย่างรวดเร็ว แค่ 3 เดือนก็เปลี่ยนจากหนุ่มร่างอวบเป็นผอมเพรียว ผลจากการดูแลที่เห็นผลทันตานี้เอง ทำให้กิเริ่มหลงใหลการออกกำลังกาย หลังจากที่น้ำหนักลงมาสู่ที่จุดพอใจแล้ว เขาก็ยังก้มหน้าก้มตาออกกำลังกายต่อไป
ในตอนต้น คุณกิยังไม่ได้หลงรักการวิ่ง จนวันหนึ่งออฟฟิศมีการจัดงานวิ่งประจำปี ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากพนักงานที่รั้งท้ายตารางในการวิ่ง กลับมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้รู้สึกอยากจะเป็นหนึ่งในนักวิ่งแถวหน้า ที่คว้าเหรียญทองมาคล้องคอ เขาจึงเริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจัง
“วิธีฝึกของผมคือพยายามตั้งเป้าหมายให้ตัวเองทุกวัน เช่น ถ้าวันนี้วิ่ง 5 กิโลใช้เวลา 35 นาที พรุ่งนี้ก็จะต้องทำให้ได้ภายใน 34 นาที การตั้งเป้าหมายเพื่อเอาชนะตัวเองในทุกครั้งที่ออกวิ่ง กลายเป็นความรู้สึกที่ผมชอบและทำให้ผมค่อยๆหลงรักการวิ่งโดยไม่รู้ตัว
และพอถึงวันที่ผมต้องลงสนาม ผมก็ทำเวลาได้ดีเกินคาด ผมวิ่งเข้าเส้นชัยในระยะเวลา 27นาที ซึ่งลอยลำจากเกณฑ์ที่จะได้รับเหรียญรางวัล”
ความสำเร็จจากสนามแรก กลายเป็นความสนุกและท้าทายที่ทำให้เขาค่อยๆพาเขาถลำสู่โลกแห่งการวิ่ง เขาค่อยๆเปลี่ยนบทบาทจากนักวิ่งสมัครเล่นเป็นนักวิ่งมือโปร พาตัวเองไปสู่รายการวิ่งที่ใหญ่ขึ้น
ตั้งแต่ระดับมินิมาราธอน ฮาฟมาราธอน ฟูลมาราธอน และ อัลตรามาราธอน ทั้งในและต่างประเทศ เขาก็ไปกวาดเหรียญมาหมดแล้ว
“จากรายงานแรก ผมเริ่มติดตามข่าวสารการวิ่งมากขึ้น จนไปเจองานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ Thai Health Day run 2014 ของสสส.จำได้ว่าตอนนั้นจัดที่ศูนย์ราชการ ตรงแจ้งวัฒนะวิ่งระยะทาง 10 กม. ตอนนั้นผมไปสมัครคนเดียวเลย เพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
และยิ่งคอนเซ็ปท์รายการนี้คือการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ ยิ่งโดนกับผมเพราะตัวผมเองก็ได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นจากการวิ่ง ในรายการนี้ผมทำเวลาได้ 51 นาที ซึ่งเป็นผลงานที่ผมพอใจมาก จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ผมวิ่งมา 50 รายการแล้วครับ”
กิ บอกว่า เป้าหมายในการวิ่งตอนนี้ไม่ใช่เพียงความสะใจที่ได้ชนะตัวเอง แต่ยังเป็นความรู้สึกดีๆที่ได้รับทุกครั้งที่ออกวิ่ง มันไม่ใช่แค่เส้นชัยที่รอข้างหน้า แต่มันคือมิตรภาพที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง
“สำหรับผมมันมหัศจรรย์มาก คงไม่มีกีฬาหรือการแข่งขันไหน ที่คนในสนามจะมองทุกคนเป็นเพื่อนที่พร้อมจะจูงกันเข้าเส้นชัย ทุกคนพร้อมช่วยเหลือกันเสมอ เช่นถ้าวิ่งๆไปแล้วเจอคนเจ็บ เราไม่ลังเลเลยที่จะหยุดถามว่าเป็นอะไรมั้ย จะให้ตามสต๊าฟมั้ย
ตัวผมเองครั้งหนึ่งเคยมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่รู้จักกันมาก่อน พอเห็นผมเริ่มวิ่งช้าก็เข้ามาตบหลังแล้วให้กำลังใจว่าอดทนอีกอีกนิด เส้นชัยอยู่ข้างหน้าแล้ว ผมว่านี่คือความรู้สึกดีๆที่หาไม่ง่าย แต่พบได้ในสนามวิ่ง”
ส่วนใครที่ยังมีข้ออ้างว่า “ไม่มีเวลาสำหรับออกกำลังกาย” อยากให้เรื่องราวของคุณกิ เป็นแรงบันดาลใจให้เราพาตัวเองออกไปเจอสิ่งดีๆ เชื่อว่าคนเรามี 24 ชั่วโมงหรือ1,440 นาที เท่ากัน
ลองบริหารเวลาตัวเองด้วย “ยืมเวลาจากการเล่น Facebook และตอบ Line แล้วมาวิ่งสัก 30 นาทีดู” ไม่แน่เราอาจค้นพบศักยภาพดีๆ ในการพัฒนาตัวเองเป็นคนใหม่แบบคาดไม่ถึงก็เป็นได้
“ทุกครั้งที่ทำลายสถิติของตัวเองได้ แม้จะแค่เสี้ยวนาที มันคือความสะใจ คือ ความภูมิใจ ผมเสพติดกับความรู้สึกนี้ และไม่เคยเบื่อที่จะได้สัมผัสมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตัวผมเองหลังจากได้ชีวิตใหม่จากการวิ่ง ผมก็ไปชวนเพื่อนๆหลายคนมาวิ่งเพราะผมคิดว่า สิ่งที่ผมถ่ายทอดไปคงเทียบไม่ได้กับการมาสัมผัสเองเท่านั้น การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดนะผมว่า มีรองเท้าคู่เดียวก็ไปได้”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.