นับว่าเป็นข่าวใหญ่โตที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤศจิกายน 2559 เมื่อสำนักข่าวชั้นนำของโลก ต่างลงข่าวคึกโครมกันใหญ่ว่า ‘Fidel Castro’ วีรบุรุษแห่งอุดมการณ์ฝ่ายซ้าย ผู้จากโลกนี้ไปด้วยวัย 90 ปี
เชื่อว่าหลายๆ คนที่ไม่ค่อยได้ติดตามประวัติศาสตร์ และการเมือง อาจจะไม่รู้จักว่าเค้าคนนี้เป็นใคร? ยิ่งใหญ่มาจากไหน? เพราะจู่ๆ ข่าวคราวการเสียชีวิตของลุงคนนี้ก็มาปรากฏอยู่เต็มหน้าเฟซฯ ของเราแล้วซะงั้น
ก่อนจะหาว่า #เหมียวบ็อบ ชอบลงแต่เรื่องหื่นๆ คราวนี้จะขอทำตัวเป็นเด็กดีมีสาระกับเค้าบ้าง จะพาไปรู้จักกับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต’ และ ‘อดีตผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งคิวบา’
จริงๆแล้วเขามีชื่อเต็มว่า ‘ฟีเดล อาเลคันโดร กัสโตร รุซ’
จุดเริ่มต้นของวีรบุรุษนักปฏิวัติ
‘ฟีเดล กัสโตร’ ได้ถือกำเนิดลืมตาขึ้นมาบนโลกนี้เมื่อปี ค.ศ. 1926 ในเมือง Birán เติบโตมาในครอบครัวเกษตรกรรมที่มีฐานะค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว ด้วยความที่พ่อแม่ของเขา เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องของการศึกษา เขาจึงถูกส่งไปใช้ชีวิตเป็นนักเรียนประจำของนิกายเยซูอิต ตั้งแต่เยาว์วัย
ตลอดช่วงชีวิตแห่งการเป็นนักเรียน จวบจนเรียนจบในมหาวิทยาลัย สาขาวิชากฏหมาย เขาได้ทำงานเป็นทนายความอยู่ในกรุงฮาวานา หน้าที่หลักๆ คือการได้ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากจน ที่ไม่มีความรู้ด้านกฏหมาย และมักจะถูกกลั่นแกล้งจากนายทุนอยู่บ่อยๆ
ในช่วงนั้นเองทำให้เขาได้เห็นปัญหาของคนจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน และนักธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงยุคนั้นเรียกได้ว่า คิวบา เป็นแหล่งลงทุนชั้นเยี่ยมของนายทุนจากประเทศทุนนิยม และแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ‘ความเหลื่อมล้ำทางสังคม’
ภาพถ่ายสมัยวัยรุ่นของเขาเอง ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว
ลุกขึ้นสู้เพื่อประชาชน
ต้องท้าวความก่อนว่าเดิมทีนัน ‘ฟิเดล คาสโตร’ เป็นคนที่เชื่อมั่นในอุมดการณ์ทางการเมืองแบบสังคมนิยม ตามแบบของ มากซ์ – เลนิน ถึงขนาดที่เคยปลุกระดมให้คนงานในไร่ของตัวเอง ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องเจ้าของผู้เป็นพ่อมาแล้ว
ปี 1947 เขาได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคประชาชนคิวบา ระหว่างนั้นเขาได้รณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชั่น ความเหลื่อมล้ำในสังคม และการต่อสู้เพื่อสิทธิของประชาชน โดยพวกเขามองว่ารัฐบาลในยุคนั้นมีการโกงกิน และเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุนที่ล้วนมาจากสหรัฐฯ มากจนเกินไป
ต่อมาในปี 1952 เขาได้ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคประชาชนคิวบา ถึงแม้ว่าเขาจะได้ฐานเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างท่วมท้น แต่กลับถูกกองกำลังคณะทหารของนายพลฟัลเกนซิโอ บาติสลา เข้ายึดอำนาจไปเสียก่อน
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่า การเข้ายึดอำนาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำพรรคของเขาก้าวขึ้นสู่อำนาจการปกครองได้อย่างเต็มรูปแบบ
ปี 1953 เขาได้นำกำลังพลเพียงแค่จำนวนหนึ่งเข้าโจมตีกลุ่มทหาร แต่กลับล้มเหลว ถูกจับกุม และในที่สุดเจ้าตัวต้องอพยพหนีไปเม็กซิโก ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้ง..
ฟิเดล คาสโตร และกองกำลังของเขาในช่วงยุคแรกเริ่ม
ก้าวขึ้นสู่ชัยชนะเพื่อประชาชน
ในปี 1956 หลังจากที่รัฐบาลทหารของบาติสลา เข้ายึดอำนาจเป็นระยะเวลาหนึ่ง (คล้ายๆ กับบ้านเรา) ก็ได้เกิดกลุ่ม ’26 กรกฏาคม’ ขึ้นมาอย่างลับๆ ด้วยความร่วมมือของ ‘ฟิเดล คาสโตร’, ‘เช เกวารา’ (ที่ติดท้ายรถบรรทุกนั่นแหละ) และสหายร่วมอุดมการณ์ของเขา
ด้วยการเข้าโจมตีแบบกองโจร ทำให้พวกเขาสามารถค่อยๆยึดอาวุธ และฐานทัพจากรัฐบาลทหารได้ อีกทั้งด้วยแนวคิดความเสมอภาคเพื่อประชาชน ทำให้ขบวนการ ’26 กรกฏาคม’ ได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากขึ้น
ในขณะที่ฝ่ายของรัฐบาลทหาร ใช้วิธีการปราบปรามประชาชนที่สนใจในแนวคิดแบบ ‘สังคมนิยม’ และนั่นก็เป็นชนวนสำคัญ ที่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากประชาชนที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น มีองค์กรอิสระมากกว่า 45 แห่งให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผย
ต่อมาในปี 1958 รัฐบาลทหารมีคำสั่งกวาดล้างขบวนการ ’26 กรกฏาคม’ แต่กลับต้องพ่ายแพ้ และสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก เชลยทุกคนที่ถูกจับได้ จะได้รับการดูแลอย่างดีจากขบวนการของฟิเดล ทำให้เขาเริ่มมีฐานกองกำลังอันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าในเวลานั้นสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนรัฐบาลทหาร ในการจัดการกับกลุ่มกบฏนี้ก็ตาม
ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้น เรียกได้ว่าเป็นสหายร่วมอุดมการณ์ ที่ยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาโดยตลอด
วันประกาศชัยชนะ
1 มกราคม 1959 คาสโตร และพรรคเพื่อประชาชนของเขา ได้เดินแถวเข้าสู่กรุงฮาวานา ประกาศให้โลกได้รู้ถึงชัยชนะจากประชาชน ที่มีเหนือรัฐบาลทหาร พร้อมกับเปลี่ยนประเทศคิวบา ให้มีระบบการปกครองแบบ ‘สังคมนิยม’
เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำแห่งประเทศคิวบา ยาวนานถึง 48 ปี นับแต่เริ่มเปลี่ยนแบบการปกครอง มีการแก้ไขข้อกฏหมายที่ทำให้สหรัฐฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกฏหมายเรื่องการครอบครองที่ดิน เพื่อป้อนกันการผูกขาด (เรียกง่ายๆว่า อะไรที่เคยเป็นของต่างชาติ ยึดกลับมาให้หมด)
ปี 1960 ได้มีการประกาศยึดทรัพย์สินของบริษัทจากสหรัฐฯ ทั้งหมด รวมเป็นเงินมากถึง 850 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ให้กลายเป็นทรัพย์สมบัติของรัฐโดยทันที เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการเลือกฝั่งของประเทศคิวบา หลังจากนั้น คิวบา จึงถูกตัดขาดการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ และหันไปเป็นประเทศคู่ค้ากับเครือสหภาพโซเวียตแทน
ภาพการเฉลิมฉลองชัยชนะ เมื่อกลุ่ม ’26 กรกฏาคม’ เดินขบวนเข้าสู่กรุงฮาวานาอย่างยิ่งใหญ่
ตลอดระยะเวลานานหลายสิบปี ที่ชายคนนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนระบบการปกครองในคิวบา จากเดิมเป็นรัฐบาลทหาร ได้เปลี่ยนผันสู่รัฐบาลเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าด้านหนึ่งเขาจะเป็นวีรบุรุษนักต่อสู้เพื่อประชาชน และได้รับการยอมรับจากผู้นำทั่วโลก แต่อีกด้านหนึ่ง เขากลับปกครองประเทศด้วยความเข้มงวด และไม่ยินยอมให้มีการเลือกตั้งอย่างเสรีในคิวบา
อย่างไรก็ตาม จากเรื่องราวการลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลทหารของเขา กลายเป็นแรงบันดาลใจ และส่งผลอิทธิพลต่อการลุกขึ้นมาต่อสู้ในที่อื่นๆ เช่น ‘เนลสัน แมนเดลา’ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อคนผิวสี และผู้นำปฏิวัติคนอื่นๆ ทั่วโลกในยุคหลังต่อมา
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.