19 เรื่องจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเอาตัวรอดแม้ในยามคับขัน!!

บางทีเราก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างกับชีวิต อย่างเช่นในกรณีของชาวเมือง กทม. ที่เดินๆอยู่บนฟุตบาธแล้วตกท่อ ก็เคยมีมาแล้ว

จากบทความของเว็บไซต์ BusinessInsider เค้าได้รวบรวม 19 เรื่องจริง (Fact) ที่ออกมาเปิดเผยโดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ Quora และเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะรู้ไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และอาจช่วยทำให้คุณเอาชีวิตรอดได้…

 

1. สมองเราไม่สามารถแยกแยะการเดินไปด้วย พร้อมเล่นมือถือไปด้วยได้ ในเวลาเดียวกัน

จากงานวิจัยพบว่า สมองมนุษย์เราไม่สามารถที่จะโฟกัสสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะการเล่นมือถือไปด้วย และดูทางเดินข้างหน้าไปด้วย เพราะฉะนั้นเลือกเอาสักทางเถอะนะ

1

 

2. จัดการกับมุมบอดระหว่างขับรถ ด้วยการปรับกระจกให้ถูกต้อง

เสียเวลาไม่กี่วินาที ก่อนออกเดินทาง ปรับกระจกให้สามารถเห็นรถที่พุ่งตรงมาจากด้านหลังได้ ดีซะกว่ารีบร้อนแล้วเกิดอุบัติเหตุในภายหน้านะจ๊ะ เพราะสาเหตุนี้แหละที่ทำให้รถชนกันมานักต่อนักแล้ว

2

 

3. ความร้อนสามารถถ่ายเทผ่านของเหลวได้ดีกว่าอากาศ

ถ้าเราต้องเผชิญกับสภาวะอากาศอันหนาวเหน็บละก็ ข้อแนะนำที่ดีที่สุดก็คือการทำให้ร่างกายเราแห้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิความอบอุ่นในร่างกายแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องอาบน้ำก็ได้นะ

3

 

4. ห้ามกินหิมะ ถ้าร่างกายกำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ร่างกายเราต้องใช้พลังงานอย่างมากในการเปลี่ยนสารหนึ่ง ไปสู่อีกสารหนึ่ง ฉะนั้นแล้วถ้าร่างกายขาดน้ำจริงๆ พยายามอย่าเอาหิมะมากิน ยกเว้นแต่ว่ากำลังจะตายอยู่ตรงนั้นแล้วจริงๆ เพราะอาจทำให้ร่างกายเราสูญเสียความร้อนได้ และจะกลายเป็นแย่ยิ่งกว่าเดิม

4

 

5. ถ้าเครื่องบินต้องลงจอดกลางน้ำ อย่าลืมว่าเสื้อชูชีพสำคัญที่สุด

ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เครื่องบินจำเป็นต้องลงจอดเหนือน่านน้ำ สิ่งแรกที่เราควรทำคือหาเสื้อชูชีพมาสวมไว้ เสร็จแล้วพยายามว่ายออกไปทางประตูฉุกเฉิน เพราะน้ำจะไหลหลั่งเข้ามาในตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว

5

 

6. เราสามารถสำลักสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้าไปได้ด้วยตัวเอง

บางทีเราอาจจะเผลอกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไป และมันดันไปติดอยู่ในช่องทางเดินอาหาร เราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อันดับแรกให้กำมือข้างที่ถนัดไว้แน่นๆ และรัดไว้ใต้ซี่โครงแต่อยู่เหนือสะดือ เสร็จแล้วให้เอามืออีกข้างตบลงบนกำปั้นที่อยู่บนหน้าท้องของเรา แรงๆ หลายๆครั้ง ช่วยทำให้เรารอดจากภาวะฉุกเฉินนี้ได้

6

 

7. พกยาแก้แพ้แบบรุนแรงไปด้วยทุกครั้ง เมื่อเดินทางไปยังที่ต่างถิ่น

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าร่างกายเราแพ้อะไร จนกว่าเราจะได้เจอกับสิ่งนั้นจริงๆ โดยเฉพาะตอนไปเดินป่า ปีนเขา หรือเที่ยวตามที่ธรรมชาติต่างๆ

7

 

8. ใช้ไม้ตีแรงๆ ช่วยเอาชีวิตรอดจากการถูกไฟฟ้าช็อตได้

เมื่อถูกไฟฟ้าช็อต มันจะทำให้กล้ามเนื้อเราเกร็งมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็นับว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตเลยทีเดียว วิธีช่วยเหลือคนใกล้ตัวเมื่อถูกช็อตได้ดีอย่างหนึ่ง ก็คือการหาไม้มาตีแรงๆ เพื่อเป็นการหยุดวงจรไฟฟ้าที่ไหลเข้ามาในร่างกายได้ (คล้ายๆ กับถีบที่เรามักจะเห็นในหนังบ่อยๆ)

8

 

9. ลิมิตร่างกายของมนุษย์เรา คือกฏเลข 3

มนุษย์เราสามารถขาดอากาศหายใจได้แค่ 3 นาที อาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายสุดขั้วโดยไม่มีแหล่งพักพิงได้ 3 ชั่วโมง ขาดน้ำดื่มได้ 3 วัน และขาดอาหารได้แค่ 3 อาทิตย์เท่านั้น

9

 

10. ถ้าทำอาหารแล้วเกิดไฟไหม้ ให้ปิดเตาแก๊ส และรีบหาฝามาครอบภาชนะนั้นโดยด่วน

และที่สำคัญ เมื่อไหร่ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้จงอย่าลืมว่า ห้ามใช้น้ำดับไฟเด็ดขาด เพราะน้ำจะไหลเข้าไปในช่องใต้กระทะ หรือหม้อ และมันยิ่งทำให้ไฟแรงสูงมากกว่าเดิม

10

 

11. ถ้าโดนของมีคมแทง อย่าเผลอไปดึงออกเหมือนในหนังนะ

ในหนังเราอาจจะเห็นพระเอกเอาอาวุธที่ถูกแทงออกจากร่างกายตัวเองได้อย่างง่ายๆ แต่ความจริงแล้วถ้าเราทำแบบนั้น จะยิ่งทำให้ร่างกายเสียเลือดไปมากกว่าเดิมหลายเท่า

สิ่งที่ควรทำคือ พยายามหาผ้ามาพันแผลไว้ ห้ามเลือดให้ได้มากที่สุด และไปพบแพทย์โดยด่วน!!

11

 

12. กฏ +3/-8 ก่อนการบินที่เราควรรู้

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า กว่า 80% ของอุบัติเหตุจากเครื่องบิน มักจะเกิดขึ้นตอน 3 นาทีหลังจากที่เครื่องออกจากรันเวย์แล้ว และ 8 นาที ก่อนที่เครื่องจะลงจอด เพราะฉะนั้นถ้าใครรู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัย เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน

12

 

13. สาเหตุการเสียชีวิตจากไฟไหม้ มักจะมาจากการสูดดมควันเข้าไป

เมื่อเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ เราควรตั้งสติ คลานหรือหมอบให้ต่ำเข้าไว้ และพยายามหลีกเลี่ยงการสูดควันเผาไหม้เข้าไปในร่างกายของเรา เพราะนั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการน็อค และเสียชีวิตไม่กี่นาทีต่อมา

13

 

14. ถ้าเกิดอุบัติเหตุระหว่างอยู่ตัวคนเดียวในที่สาธารณะ ให้เรียกร้องขอความช่วยเหลือโดยด่วน

จากการศึกษาทางด้านจิตวิทยาพบว่า เมื่อไหร่ที่เกิดอุบัติเหตุ การที่คนมามุงดูอยู่ๆ และไม่กล้าเข้าไปช่วย นั่นก็เป็นเพราะทุกคนต่างคิดว่า ‘เดี๋ยวก็มีคนมาช่วย’

ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น และยังมีสติอยู่ ให้รีบเรียกร้องขอความช่วยเหลือแบบเจาะจงไปเลยกับใครสักคนหนึ่งในละแวกนั้น สบตาและบอกเขาไปเลย ซึ่งจะทำให้เราได้รับการช่วยเหลือที่เร็วกว่าการนอนเจ็บ และรอให้ใครซักคนเข้ามาช่วย

14

 

15. ไฟฉายที่สว่างมากๆ ช่วยให้เรารอดจากสถานการณ์ถูกคนร้ายโจมตีได้

นอกเหนือจากการใช้อาวุธป้องกันตัว การที่เราใช้ไฟฉายที่มีแรงขับสูง และสามารถปล่อยแสงออกมาได้สว่างจ้า สามารถไล่คนที่เข้ามาประสงค์ร้ายกับเราได้

เพราะการสาดแสงที่มีความสว่างมากกว่า 300 Lumen ขึ้นไปในตอนกลางคืน จะทำสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะ และเป็นโอกาสดีที่เราจะเอาตัวเองหนีออกมาจากตรงนั้นได้

15

 

16. ถ้าหลงทางระหว่างเดินเขา ให้พยายามหาแหล่งน้ำ หรือรั้ว

เพราะตามธรรมชาติสายน้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำกว่า และสามารถพาเราไปแหล่งน้ำขนาดใหญ่ได้ เช่นเดียวกับรั้วที่มักจะทอดยาวไปสู่สิ่งก่อสร้าง หรือถนนหนทาง

16

 

17. ถุงยางอนามัยสามารถใช้เก็บน้ำได้อย่างดีเลยล่ะ

อันที่จริงถุงยางอนามัย ถือว่าเป็นไอเท็มสุดยอดที่มีความทนทาน และยืดหยุ่นสูงมาก เราสามารถเก็บน้ำดื่มไว้ในนั้นได้หลายแกลลอนระหว่างการเดินทาง อีกทั้งยังเอามาใช้เก็บสิ่งของที่ต้องกันน้ำได้อย่างไม้ขีดไฟ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้อย่างดีอีกด้วย

17

 

18. อย่าประมาทเด็ดขาดเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น

จากการศึกษาด้านจิตวิทยาพบว่า มนุษย์เรามักเลือกที่จะเชื่อจากสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง หรือเป็นพวกเดียวกัน (normalcy bias) และมักจะปลอบใจกันเองว่าทุกอย่างจะปกติ ถึงแม้ว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงก็ตาม เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรก็ตาม อย่าได้เผลอประมาทเด็ดขาด

18

 

19. สายไฟฟ้าที่ตกลงมารุนแรงมากกว่าที่คิด

ถ้าหากว่าเรากำลังเดินๆอยู่ แล้วไปเจอกับสายไฟที่ห้อยลงมาถึงพื้นดินจากด้านบน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน หรือถ้าอยู่ดีๆมันดันตกลงมาใกล้ตัวเราพอดี ให้รีบกระโดดสองขา และออกจากบริเวณนั้นโดยด่วน

19

 

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ประเทศเรานี้แหละ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ คุณก็รู้ว่าที่นี่น่ะ ไทยแลนด์ ปู้นๆๆ

emo-133

ที่มา: BusinessInsider

Comments

Leave a Reply