การเดินทางด้วยแท็กซี่เริ่มสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะแทนที่เราจะต้องไปยืนโบกมือหยอยๆ ข้างถนน ตอนนี้ระบบต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาทำให้เราสามารถเรียกแท็กซี่ผ่านสมาร์ทโฟนได้
และคุณเชื่อไหมว่าในอนาคตอันใกล้ มนุษย์เราอาจจะสามารถเรียกแท็กซี่จากทางอากาศได้ด้วย?
สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “แท็กซี่ลอยฟ้า” ที่แม้จะยังเป็นเพียงแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์แต่ก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าแท็กซี่ในรูปแบบนี้กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ
โดยเจ้าแท็กซี่ลอยฟ้าที่ว่านี้อยู่ในระหว่างการคิดค้นโดย Airbus Group บริษัทที่ผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศของยุโรป ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า CityAirbus
เจ้า CityAirbus ที่ว่านี้ Airbus Group ต้องอาศัยบริษัทหลายๆ แห่งร่วมกันพัฒนามันขึ้นมา โดยพวกเขาได้มอบหมายงานให้บริษัท MTSI (Modern Technology Solutions, Inc) รับหน้าที่ในการบินทดสอบ ส่วนบริษัท SOAR Oregon จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทดสอบ
ไอเดียของแท็กซี่ลอยฟ้าจะมีความใกล้เคียงกับระบบของรถไร้คนขับที่บริษัทผู้ผลิตรถ Tesla กำลังพัฒนาอยู่ ผสมกับเทคโนโลยีโดรนที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเพื่อการถ่ายภาพ
ซึ่ง CityAirbus จะมาในรูปแบบของยาน 4 ใบพัดไร้คนขับที่บังคับทิศทางได้เอง สามารถนั่งได้ 1 ที่นั่ง และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้ถนนหรือรันเวย์ในการออกตัว
นอกจากนี้ยาน CityAirbus ยังมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าหากคุณนั่งยานที่ว่านี้อยู่บนอากาศ มันก็จะไม่มีทางชนกันเองแน่นอน
และที่#เหมียวฟิ้นบอกไปตอนต้นว่าเราสามารถเรียกยานพาหนะที่ว่านี้ได้ด้วยสมาร์ทโฟน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะทางผู้พัฒนายืนยันว่าเราจะสามารถเรียกใช้บริการ CityAirbus ได้เหมือนกับที่เรากดเรียกแท็กซี่ Uber เลยทีเดียว
ทางบริษัท Airbus ได้ออกมากล่าวว่าความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือการทำให้เจ้า CityAirbus บินได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมีระบบที่ซับซ้อน
ในขั้นแรกพวกเขาจะยังใช้นักบินเพื่อช่วยในการบังคับเครื่องอยู่ แต่หลังจากที่ระบบทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขาก็จะปล่อยให้มันบินได้ด้วยตัวเอง
ชมคลิปจำลองการใช้งานได้ที่นี่เลย
ตามรายงานจากข่าวระบุบอกว่าทีมพัฒนาได้ออกมายืนยันว่ายาน CityAirbus จะกลายเป็นรูปเป็นร่างและออกให้บริการได้จริงในปี 2020 หรืออีกประมาณ 3-4 ปีข้างหน้านี้เท่านั้น
ซึ่งหากแนวคิดทั้งหมดนี้กลายเป็นจริงขึ้นมา มันจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางของเราไปได้มากทีเดียว โดยเฉพาะการขนส่งผู้ป่วยจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย และเพิ่มโอกาสในการรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ได้ด้วย
ที่มา dailymail , TomoNews US
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.