กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปของเด็หญิงรายหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยหญิงสาว จนเพื่อนบ้านอดรนทนไม่ได้ ต้องถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยงข้องให้มาจัดการโดยเร็ว
คลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ กาลเวลา ที่ทำให้เราได้พบกัน เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวสวมใส่เสื้อสีชมพูขณะทำท่าข่มขู่เด็กหญิง ทั้งใช้มือกระชากหัวและใช้มีดจี้มาที่ปากของเด็กอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนจะใช้ไม้กวาดตีที่หน้าแข้งของเด็กอย่างรุนแรงแล้วเดินจากไป
พร้อมกันนี้ผู้เผยคลิปวิดีโอยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า
“ใครก็ได้ที่เห็นคลิปนี้ ช่วยแชร์ต่อด้วยนะครับ เหตุเกิดบ้านตรงข้ามผมเอง เกิดเป็นประจำ แต่ผมไม่รู้จะช่วยน้องเขาได้ยังไง เคยโพสต์ไปครั้งหนึ่งแล้ว”
“นี่เป็นแค่เหตุการณ์บางส่วนเท่านั้นที่ถ่ายคลิปไว้ทัน น้องเค้าโดนเยอะกว่าที่เห็นอีกเป็นสิบเท่า ช่วยน้องเขาด้วยนะครับ เผื่อคลิปนี้จะเป็นประโยชน์.. ขอโทษทุกท่านอีกครั้งนะครับ ที่ผมแท๊คไป”
หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในอินเตอร์เน็ตเพียง 3 ชั่วโมง ก็สามารถเรียกความสนใจจากชาวเน็ตได้อย่างมาก จนผู้คนเข้ามากดดูคลิปกว่า 1 ล้านครั้งและมียอดแชร์อีกกว่า 6 หมื่นครั้ง
พร้อมกันนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากกันแสดงความคิดเห็นในเชิงก่นด่าหญิงสาวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับเด็ก และยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเด็กหญิง
ชมคลิปต้นฉบับได้ที่นี่
ปัจจุบันมียอดเข้าชมว่า 800,000 ครั้ง มีการส่งต่อกันอย่างมากในโลกออนไลน์
ต่อมาในช่วงเวลา 12.41 นาฬิกา เฟซบุ๊กเพจ Red Skull V.SE ได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคลิปดังกล่าวถูกส่งให้กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และสภ.บางพลี สมุทรปราการ แล้ว ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้รับทราบและอยู่ในขั้นตอนการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเด็กต่อไป
อัพเดท 14.10 เจ้าหน้าที่เข้าถึงบ้าน มีการถ่ายรูปและเข้าช่วยเหลือเบื้องต้น
ต่อมาในช่วงเวลา 14.56 นาฬิกา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pongsakorn Rodphai ซึ่งเป็นนักข่าวจาำสำนักข่าว TNN24 ได้รายงานเพิ่มเติมว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนางทัศนีย์ แกล้วลา วัย 35 ปี ผู้เป็นแม่ที่ปรากฏอยู่ในคลิปมาสอบปากคำแล้ว โดยอ้างว่าที่ทำลงไปแบบนั้นก็เพราะลูกสาวคนน้องฉลาดน้อยกว่าคนพี่ จึงอยากจะสั่งสอนเท่านั้น
ยังไงทาง CatDumb ก็จะคอยติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน และหวังว่ากระแสโลกโซเชียลจะทำให้สื่อใหญ่ๆ หันมามองประเด็นความรุนแรงเล็กๆ นี้ และนำไปสู่การเกาะติดสถานการณ์ให้มากยิ่งขึ้น
ถ้ามีอะไรคืบหน้าเราจะคอยอัพเดทมาฝากกันนะครับ..
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.