จากเรื่องราววีรกรรมอันแสนกล้าหาญในอีต สู่อนุเสาวรีย์หมาฮัสกี้ประจำเมือง Nome รัฐอลาสก้า ที่ยังคงตราตรึงหัวใจของคนในพื้นที่ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อนุเสาวรีย์ของเจ้า ‘Balto’ ในนิวยอร์ค (ไปตั้งซะไกลเลย) เพื่อระลึกถึงวีรกรรมที่ครั้งหนึ่งมันเคยช่วยชีวิตผู้คนในเมือง Nome ไว้อย่างสุดความสามารถ
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1921 ณ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในรัฐอลาสก้า ที่ชื่อว่า ‘Nome’ เกิดเหตุผู้คนในเมืองจำนวนมากป่วยเป็นโรคคอตีบ (Diphtheria) ซึ่งถือว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก และคอ และอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
จากการระบาดของโรคนี้ ทำให้มีสถิติผู้เสียชีวิตในเมืองเล็กๆนี้มากถึง 15,000 คนโดยประมาณ วิธีการเดียวที่จะรักษาให้หายได้ คือการใช้ยาอินติท็อกซิน
แต่ด้วยความที่ ‘Nome’ เป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และมีสภาพอากาศอันหนาวเหน็บที่แสนโหดร้าย บวกกับการคมนาคมที่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน ทำให้ต้องมีการเดินทางไกลถึง 804 กม. ในเมืองแองเคอเรจ เมืองหลวงของรัฐ
ในอดีตถนนหนทางยังไม่ถูกสร้างดีนัก จึงจำเป็นต้องมีการเดินทางด้วยการใช้หมาฮัสกี้ และรถลากบนเส้นทางธารน้ำแข็ง
ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างจะไกล และเงื่อนไขในการเดินทางที่จำเป็นต้องมีการพักผ่อน ทำให้ในแต่ละรอบกลุ่มนักเดินทางต้องใช้เวลานานนับเดือน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ป่วยโรคร้ายแรงนี้หลายๆคน ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้ และต้องจากโลกนี้ไปในที่สุด
ตลอดระยะทางกลุ่มนักเดินทางต้องเผชิญกับสภาพอากาศ -50 องศา แถมยังต้องแข่งกับเวลาที่มีผู้ป่วยมากมายรอคอยอยู่
‘Shannon’ คือชายผู้บังคับหมาฮัสกี้สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ต้องสูญเสียสุนัขคู่ใจไปถึง 4 ตัว แน่นอนว่าผลที่ตามมาก็คือ การเดินทางจะต้องใช้เวลามากยิ่งขึ้น และอาจจะไม่ทันการณ์สำหรับผู้ป่วยที่รออยู่
Shannon และ ฺBalto
หลังจากที่ทีมของ ‘Shannon’ ไม่อาจกลับเข้าเมืองได้ทัน เขาจึงจำเป็นที่จะต้องเสี่ยงดวงด้วยการให้เจ้าหมา ‘Balto’ ที่อดีตมันเป็นหมาที่ขี้เกียจที่สุด และเชื่องช้ามากที่สุด ออกนำหน้าไปพร้อมกับยารักษา มุ่งเข้าสู่ตัวเมือง ‘Nome’ ก่อนที่คณะเดินทางที่เหลือของเขาจะรีบตามไปในภายหลัง
เป็นระยะเวลา 6 วัน กับการเดินทางอันโดดเดี่ยวของเจ้า ‘Balto’ โดยมันไม่ยอมหยุดพัก และไม่ยอมแม้แต่จะแวะข้างทางเพื่อหาอาหารให้กับตัวเอง เพราะมันรู้ดีว่ายารักษาที่มันถูกฝากมานั้น มีความสำคัญต่อมนุษย์หลายชีวิตที่รออยู่ในเมือง
2 กุมพาพันธ์ 1926
คือวันที่เจ้าหมา ‘Balto’ เดินทางมาถึง และตามมาด้วยคณะเดินทางจากตอนแรก จากการเดินทางอันโดดเดี่ยวของมัน ทำให้ยารักษาถึงมือหมอประจำเมือง และสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยหลายพันคนได้ทันท่วงที
แต่น่าเสียดายที่ต่อมาในปี 1933 เจ้า ‘Balto’ ต้องจากไปในวัย 14 ปี ถึงแม้ว่าอดีตมันจะเป็นหมาขี้เกียจ และดูเหมือนไม่เอาไหน แต่ครั้งหนึ่งมันก็เคยสร้างวีรกรรมช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมายได้ทันเวลา
หุ่นสต๊าฟของเจ้า ‘Balto’ ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองโอไฮโอ
นอกจากอนุเสาวรีย์แล้ว เรื่องราวของมันยังถูกเอามาสร้างเป็นการ์ตูนเพื่อบอกเล่าวีรกรรมอันแสนกล้าหาญของมันอีกด้วยล่ะ
ถึงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่วีรกรรมของเจ้าฮัสกี้ จะถูกตราตรึงไว้ในหัวใจของพวกเราตลอดไป นี่สินะที่ว่าสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ที่สุด
ที่มา: ATIT
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.