พนักงานส่งพัสดุทิ้งกล่อง “ของขวัญคริสมาสต์เด็ก” ลงถังขยะ เพราะไม่มีใครออกมารับ…

คุณพ่อถึงกับหัวร้อน เมื่อรู้ว่าพนักงานส่งของจากบริษัทขนส่ง Yodel นำกล่องของขวัญวันคริสต์มาสของลูกๆ ของเขาไปไว้ในถังขยะ หลังจากที่พยายามเรียกหาเจ้าของบ้านแล้วไม่พบ

Anthony Thomas จากเมือง Caerphilly ประเทศเวลส์ ได้ทำการโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นถึงชายที่สวมเสื้อสีเขียวอันเป็นเครื่องแบบของบริษัทขนส่ง Yodel

ได้นำกล่องสีน้ำตาลเล็กๆ สองกล่อง ที่บรรจุของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับลูกๆ ของเขา ทิ้งลงไปในถังขยะเขียวที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้าน

พร้อมกับเขียนบันทึกไว้บนเอกสารการส่งไว้ว่า “ผมได้เอาพัสดุของคุณไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย ในถังขยะเขียว (ไม่มีใครอยู่บ้านรวมถึงเพื่อนบ้าน)”

คุณ Thomas ได้ทำการโพสต์ภาพดังกล่าวเพื่อคอมเพลนการทำงานของเจ้าหน้าที่ของบริษัท Yodel ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค Yodel – Unofficial complaints

บอกว่า “สิ่งของเหล่านี้สำหรับลูกๆ ของผม ที่ตอนนี้ผมได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่มันถูกทิ้งลงไปอยู่ในถังขยะ ลูกๆ ของผมคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว จริงๆ ในสวนหลังบ้านกล่องสีดำอยู่ ถ้าเอาไปไว้ในนั้นมันจะดีกว่านี้”

หลังจากนั้นไม่นานก็มีลูกค้าคนอื่นๆ ที่เคยประสบกับปัญหาเดียวกันเข้ามาคอมเม้นท์ “เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาฉันก็เพิ่งโดนมาเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ได้ติดโน้ตอะไรไว้ให้เลย แต่โชคดีที่พอเปิดถังขยะออกมาแล้วก็สังเกตเห็นกล่องพัสดุพอดี ดีนะที่ไม่ทิ้งมันไปซะก่อน”

ทางด้านโฆษกของ Yodel ก็ได้ออกมากล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “พวกเราต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับลูกค้า”

“ส่วนใหญ่แล้วทางผู้ส่งจะกำชับให้เราเก็บพัสดุเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยและแห้ง หากลูกค้าไม่อยู่บ้าน”

“เรามีแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการจัดการหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการแบบในกรณีนี้อย่างแน่นอน ทางเราจะทำการตรวจสอบต่อไป และจะมีวิธีการดำเนินการที่เหมาะสมอย่างแน่นอน”

“ถ้าหากเป็นไปได้ทางเราก็ขอร้องให้ผู้ซื้อทั้งหลายช่วยให้ข้อมูลกับทางร้านค้าด้วย ถึงสถานที่ปลอดภัยที่พวกเราจะสามารถนำพัสดุไปไว้หากลูกค้าไม่อยู่บ้าน อันจะทำให้ทางลูกค้าสามารถมั่นใจว่าจะได้รับสินค้าในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด”

แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวของเรามีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง? คิดว่าพนักงานทำถูกแล้วรึเปล่า? หรือควรจะวางพัสดุเอาไว้หน้าบ้านดี? ก็ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ

ที่มา : dailymail