ในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลก เราทุกคนจะรู้ดีว่า ‘ชาวยิว’ ทั้งหลายนั้นเป็นฝ่ายที่ถูกเหล่า ‘นาซี’ ที่เป็นชื่อของทหารเยอรมันฆ่าล้างจนทำให้พวกเขาเกือบจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
และทำให้เราเข้าใจผิดว่าทางฝั่งยิวนั้นเป็นผู้ถูกกระทำแต่เพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังมีชาวยิวจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน และสามารถเอาคืนเหล่าทหารนาซีได้แบบชนิดที่ว่าเจ็บแสบพอดูเลยล่ะ
1. นาย William Cohen ที่ให้การช่วยเหลือในการรวมกลุ่มชาวยิวในอเมริกาเพื่อต่อต้าน Hitler
ย้อนกลับไปในปี 1933 ขณะที่นักการเมืองชาวอเมริกันหลายคนพยายามหลอกตัวเองให้เชื่อว่าเหล่านาซีทั้งหลายนั้นไม่ได้ทำอะไรที่ผิด ที่พวกเขาทำก็เพียงแค่ชูแขนขวาเฉียงขึ้นไปด้านหน้าเพื่อทำความเคารพต่อท่านผู้นำเท่านั้น
แต่นาย Cohen ที่เป็นชาวยิว และเป็นสมาชิกสภาคองเกรสจากนิวยอร์คได้ทำการออกมารณรงค์ไม่ให้ทำการซื้อขาย และเลิกสนับสนุนสินค้าอันจะส่งผลดีต่อเยอรมัน
โดยเขียนโคว้ทข้อความที่เป็นประโยคเด็ดไว้ว่า “ชาวยิวคนใดที่ใช้เงินแม้แต่ 1 เพนนีในการซื้อของที่มาจากชาวเยอรมัน จะถือว่าเขาผู้นั้นคือผู้ทรยศต่อชาวยิวด้วยกัน”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ส่งผลอะไรมากมายต่อเหล่านาซีมากนัก แต่มันก็ทำให้ผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับการกระทำของเหล่านาซีอีกครั้ง และเกิดการถกเกถียงกันว่าสิ่งที่นาซีทำนั้นมันผิดศีลธรรม!!
2. นาง Danuta Danielsson ที่เอากระเป๋าถือไปฟาดกลุ่มนีโอนาซีที่กำลังเดินขบวนเพื่อรณรงค์รับสมัครพรรคพวกขึ้นมาใหม่ จนทำให้พวกเขาหมดความน่าเชื่อถือ
Danuta Danielsson เป็นลูกครึ่งระหว่างยิวและโปแลนด์ แม่ของเธอเป็นผู้รอดชีวิตมาจากค่ายกักกัน Auschwitz ซึ่งทำให้เธอรับรู้ถึงความโหดร้ายที่ชาวนาซีได้ทำกับคุณแม่ของเธอ
ในช่วงปี 1985 ที่ประเทศสวีเดนได้มีการเดินขบวนของกลุ่มที่เรียกว่า Neo-Nazi โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูลัทธินาซีขึ้นมาอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายความน่าเชื่อถือลงไปหลังจากที่ Danuta แอบเดินตามเข้าไปข้างหลังขบวนผู้ชุมนุมและเอากระเป๋าถือฟาดเข้าไปจังๆ ที่ท้ายทอยของผู้เข้าร่วมรายหนึ่ง จนกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮากันไป
Danuta ไม่เคยเอ่ยปากอะไรถึงวีรกรรมที่เธอทำลงไปในวันนั้น และหลังจากนั้น 3 ปี เธอก็เสียชีวิตลง จึงไม่มีใครรู้ถึงแรงจูงใจหรือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องทำแบบนั้น
3. Leon Feldhendler และ Alex Pechersky สองสหายที่ทำให้ค่ายกักกันของชาวนาซีต้องปิดตัวลง
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนตุลาคม ปี 1943 Leon ผู้นำของกลุ่มชาวยิวในในเมือง Zolkiew ได้ร่วมมือกับนาย Alex นายทหารลูกครึ่งรัสเซีย – ยิว ช่วยเหลือนักโทษชาวยิวกว่า 300 คนที่ถูกจับไปไว้ในค่ายกักกัน Sobibor ออกมา
ถือเป็นการพานักโทษหลบหนีครั้งใหญ่ที่สุดในปรัวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ แม้จะมีผู้รอดชีวิตหนีออกมาได้เพียง 50 คนเท่านั้น แต่ก็สร้างความเสียหายมากพอที่จะทำให้ค่ายกักกัน Sabibor ถูกปิดตัวลงไป
วีรกรรมอันกล้าหาญของคุณ Alex และ คุณ Leon ได้ยกย่องเป็นอย่างมาก และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Escape from Sobibor เมื่อปี 1987
4. Feye Schulman หญิงสาวผู้ตามเก็บภาพความเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นหลักฐานสำคัญที่เปิดโปงให้ชาวโลกได้เห็นว่ายังมีผู้ต่อต้านลัทธินาซีอยู่มากมาย
Feye เป็นช่างภาพชาวยิวที่ถูกเกณฑ์ให้ไปทำหน้าที่ให้กับนาซี หลังจากที่กลุ่มนาซีเข้ามาในบ้านเกิดของเธอที่โปแลนด์เมื่อปี 1941 แต่ภายหลังเธอกลับถูกลอบฆ่า จึงทำให้ต้องระหกระเหินหนีเข้าไปอยู่ในป่า
ซึ่งเธอก็ได้พบเข้ากับกลุ่มต่อต้านพรรคนาซี ที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเข้าร่วม จากนั้นเธอใช้เวลาตลอด 2 ปี เพื่อเก็บบันทึกภาพของกลุ่มต่อต้าน ซึ่งภาพทั้งหมดถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานว่ามีกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านพรรคนาซีอยู่
5. Simon Wiesenthal ชายผู้ไล่ตามจับเหล่านาซีที่หลบหนีไปหลังสงคราม จนได้รับฉายาว่า ‘ราชานักล่าหัวนาซี’
Simon เป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตออกมาจากค่ายกักกัน ครอบครัวของเขาถูกฆ่าจนหมดโดยฝีมือของนาซี หลังจากสงครามจบลงเขาก็ได้ไปตั้งรกรากอยู่ที่เมือง Linz ในประเทศออสเตรเลีย และได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้เพียง 1 เดียวคือการตามล่าเหล่านาซี
Simon ออกตามล่าทหารนาซีที่หลบหนีไปหลังสงครามไปทั่วโลก ในช่วงแรกนั้นเขาทำมันเพียงลำพัง แต่ภายหลังได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นองค์กรชื่อว่า Jewish Documentation Center
ผลงานของเขาและองค์กร JDC นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนทั้งการจับกุม Adolf Eichmann น้องชายของฮิตเลอร์ในอาร์เจนตินา การจับกุม Franz Stangl ทหารระดับผู้บัญชาการของนาซีในบราซิล และ Karl Silberbaur ตำรวจลับของนาซี
เท่านั้นยังไม่พอด้วยความช่วยเหลือของ Simon ทำให้ทางการของเยอรมันสามารถจับกุมสายลับ SS ของกลุ่มนาซีได้อีกนับสิบราย
(ถ้าไม่แค้นกันจริงๆ ทำไม่ได้นะเนี่ย)
6. Vidal Sassoon ชายผู้สยบการรวมตัวของกลุ่มต่อต้านชาวยิวที่เหลืออยู่หลังสงครามโลกครั้งที่สองด้วยมีดโกน และกรรไกรตัดผม!?
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองในยุโรปได้จบลง และวันเวลาผ่านพ้นไปเป็นเวลา 1 ปี จู่ๆ ก็มีกลุ่มชาวอังกฤษผู้นับถือลัทธิฟาสซิสม์ (ลัทธิทางการเมืองแบบเผด็จการ)
นำโดยนาย Oswald Moseley ออกมาเคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายแนวคิดแบบเผด็จการอีกครั้ง โดยสร้างเรื่องความน่ากลัวของ ‘เอเลี่ยน’ ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายกลุ่มผู้อพยพชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ
แต่ภายหลังก็ถูก Vidal Sassoon ที่เป็นสไล์ลิชฃาวยิวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนั้นได้ออกมารณรงค์ถือมีดโกน และกรรไกรตัดผม ออกมาเดินขบวนประท้วง บนถนนทางตะวันออกของกรุงลอนดอน และสามารถไล่พวกกลุ่มแนวคิดแบบเผด็จการกลับได้ในที่สุด
ภายหลัง Vidal Sassoon ได้ผลิตแชมพูและครีมนวดผมออกมาขายและปัจจุบันก็ยังมีขายอยู่ หากเพื่อนๆ คนไหนที่ใช้แชมพูยี่ห้อนี้อยู่ล่ะก็ ขอให้พึงรู้ไว้เลยว่า นั่นคือแชมพูแห่งความยุติธรรมที่เขาตั้งใจส่งต่อมันมา!!
7. Gertrude Boyarski หญิงผู้ห้าวหาญที่ทำการเผาสะพานและเสบียงของเหล่าทหารนาซี
“ฉันต้องการจะสู้ และแก้แค้นให้กับครอบครัวของฉัน” นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Gertrude ที่พ่อแม่และพี่น้องทั้งหมดของเธอถูกทหารของเยอรมันฆ่าตายในป่าของประเทศโปแลนด์
ด้วยความแค้นที่อยู่ในใจ Gertrude ได้ร่วมมือกับทหารของโซเวียตเพื่อสอนให้เหล่านาซีได้รับรู้ถึงบทเรียนอันแสนเจ็บปวดซะบ้าง ในอีกไม่กี่ปีต่อมาจากบันทึกของกองกำลังโซเวียต ได้บอกเอาไว้ว่าเธอและกองกำลังทหารของเธอได้ทำการจุดไฟเผาสะพานที่ทหารเยอรมันใช้ในการลำเลียงอาหารและเสบียง
แต่โชคร้ายที่ไฟนั้นมันไม่แรงพอ ขณะเดียวกันกองกำลังทหารของเยอรมันก็ค่อยๆ ขับรถผ่านมาทางนี้พร้อมกับเล็งปืนกลใหญ่มาที่พวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น Gertrude และทหารกล้าต่างก็ไม่ยอมแพ้พยายามใช้มือเปล่าช่วยให้ไฟลุกแรงขึ้น แต่สุดท้ายทุกคนก็ไม่รอดถูกทหารเยอรมันใช้ปืนกลหนักกราดยิงจนเสียชีวิต
แต่ท้ายที่สุดสะพานก็ถูกเผาไหม้จนวอดวาย และไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ถือว่าการเสียสละของ Gertrude ประสบผลสำเร็จ
สงครามนั้นก่อให้เกิดแต่ความสูญเสีย ไม่มีเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นเพราะสงครามหรอกนะ
ที่มา : upworthy
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.