เพิ่งมีประกาศอนุมัติจาก ครม. ไปเมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับเรื่องการจัดประเภทให้พืช ‘กัญชง’ สามารถนำมาปลูกได้อย่างถูกกฏหมาย แต่ไม่ใช่ทั่วประเทศนะจ๊ะ โดยทาง ครม. ได้ทำการนำร่องให้ถูกกฏหมายได้เฉพาะใน 6 จังหวัด 15 อำเภอ เท่านั้น
มีการแชร์กันทั่วโลกออนไลน์ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของเสรีการสูบกัญชา และเหล่าสายเขียวคงจะฟินกันอย่างมาก แต่… อยากจะให้ทำความเข้าใจกันอีกนิดนึง
#เหมียวบ็อบ เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยว่า อะไรคือ ‘กัญชง’ แล้วมันแตกต่างจาก ‘กัญชา’ ยังไง? วันนี้แหละเราจะพาไปไขข้อข้องใจให้รู้แจ้งแถลงไขกันไปเลย
(ขอตัวไปเติมซัก 1 หลุม เพื่อเพิ่มความเพลินในการเขียนก่อนนะ ปรู๊ดๆๆๆ)
นี่คือต้นกัญชง
ส่วนนี่คือต้นกัญชา
อะไรคือ ‘กัญชง’?
มาว่ากันด้วยเรื่องของลักษณะทางของต้นกันก่อน กัญชง (Hemp) นั้นจะเป็นพืชที่ไม่เน้นดอกเหมือนกัญชา มีขนาดลำต้น และใบที่เรียวยาวกว่า อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในตระกูลเดียวกับกัญชา (Marijuana) ด้วยเช่นกัน
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพืชที่ดูคล้ายคลึงกัน อยู่ในตระกูลเดียวกันเหมือนญาติพี่น้อง แต่ลักษณะสำคัญที่แตกต่างกันก็คือ กัญชง จะมีสารที่เรียกว่า ‘THC’ (เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอยด์) และ ‘CBD’ (แคนนาบินอยด์) ที่น้อยกว่ามาก น้อยจนชนิดที่ว่า จะเอามาใช้เสพให้เมาก็คงไม่คุ้มกับควันที่ถูกอัดเข้าไปในปอดเราเท่าไหร่
ไร่กัญชง
แล้วมันเอาไปใช้เป็นสารเสพติดได้มั้ย?
การที่เราสูบกัญชาแล้วรู้สึก เคลิบเคลิ้ม เมา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า ‘High’ เกิดมาจากการที่สาร ‘THC’ ออกฤทธิ์เชื่อมต่อกับส่วนที่เรียกว่า ‘CB1’ (แคนนาบินอยด์ รีเซพเตอร์) ที่อยู่ในสมองของเรา และส่วนที่ถูกนำมาใช้เสพ เพื่อให้ได้สาร ‘THC’ เข้าสู่ร่างกาย คือส่วนดอกของกัญชา
แต่ทว่าดอกของพืชกัญชงนั้นมีขนาดที่เล็กเอามากๆ และมีสารดังกล่าวน้อยมาก จนชนิดที่ไม่สามารถทำให้เกิดอาการเมาได้
เคยมีงานวิจัยจากหลายสำนัก ได้เปรียบเทียบอย่างชี้ชัดแล้วว่า สารดังกล่าวในต้นกัญชงเฉลี่ยมีเพียงแค่ 1% เท่านั้น เมื่อเทียบกับดอกกัญชา ที่มีสูงมากกว่าหลายเท่า ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ และการเลี้ยงดู โดยกัญชาอาจจะเน้นปลูกในระบบปิด เพื่อควบคุมให้ได้ดอกที่มีคุณภาพปริมาณ ‘THC’ ตามที่ต้องการ
ในขณะที่กัญชงจะเน้นปลูกในระบบเปิด เพื่อให้ต้นมีความสูงใหญ่ เป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย และสร้างผลตอบแทนต่อเกษตรกรได้สูงในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีตลาดหลายด้านรองรับ เพื่อนำไปต่อยอดใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ
ซึ่งในหลายๆประเทศได้มีการจัดให้เป็นพืชเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
สังเกตุได้ว่าส่วนดอกของมันมีน้อยกว่ามาก ถ้าเทียบกับต้นกัญชา
แล้วมันทำประโยชน์อะไรได้บ้าง?
ความโดดเด่นอย่างหนึ่งของ ‘กัญชง’ ก็คือมันมีส่วนต่างๆของลำต้นที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษ จึงมีการนำมาประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรมกันมาอย่างยาวนาน
ยกตัวอย่างเช่นการนำเส้นใย มาทำเป็นสิ่งทอ เสื้อผ้า หรือแม้แต่แบรนด์รองเท้าผ้าใบชื่อดังหลายๆยี่ห้อ ก็ได้มีการนำเส้นใยมาเป็นส่วนประกอบ รวมไปถึงได้มีการวิจัยเพื่อนำเส้นใยไปผลิตเป็นพลาสติกรูปแบบใหม่ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
และเชื่อหรือไม่ว่าแม้แต่ในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนตร์ ก็ได้มีการนำเส้นใยของมันมาใช้งานแล้วเช่นกัน หรือจะเป็นลำต้นของมัน ที่มีความแข็งแรงทนทานมากพอที่จะนำมาใช้เป็น อิฐ หรือคอนกรีต สำหรับงานก่อสร้างต่างๆ
เช่นเดียวกับส่วนของดอก ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์ โดยการสกัดเอาสาร ‘CBD’ มาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยในหลายๆโรค เช่นโรคลมชัก หรือโรคทางด้านประสาทต่างๆ อีกทั้งเมล็ดของมัน ก็สามารถนำมาสกัดเป็นโปรตีน น้ำมันและยังเคยมีกรณีคนนำเอาเมล็ดของมันมาประยุกต์ใช้เป็น ‘เบอร์เกอร์’ อีกด้วยนะ เจ๋งมั้ยล่ะ!!
เบอร์เกอร์จากร้าน ‘Bay Roots’ ที่ทำมาจากเมล็ดกัญชงจริงๆ
ตัวอย่างรองเท้าจากยี่ห้อ ‘Vans’ ที่ใช้เส้นใยจากกัญชงมาทำจริงๆ
ในอุตสาหกรรมรถยนตร์ ‘BMW’ ก็ได้มีการนำกัญชง มาใช้สำหรับส่วนประกอบของรถด้วยเช่นกัน
‘Hempcrete’ อิฐคอนกรีตที่ทำขึ้นมาจากกัญชง มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่า ทนทานกว่า เบากว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
หรือแม้แต่ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ได้มีการนำเอาเมล็ดจาก ‘กัญชง’ มาทำเป็นอาหารเม็ดที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหาร เช่นกัน
(ดูสายตาเจ้าเหมียวซะก่อน)
แต่สำหรับนักกินผัก นักกินผลไม้ ทั้งหลาย #เหมียวบ็อบ ขอเตือนนิดนึงว่า ยังไงซะ ‘กัญชา’ ก็ยังถูกจัดอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่ดี
เพราะฉะนั้นแล้วก็อย่าเพิ่งรีบร้อนใจ เผลอคิดไปว่า ‘ไทยแลนด์กลายเป็นแดนเสรีกัญชา’ ไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวโดนพี่ตำรวจเค้าจับแล้วจะยุ่งเอานะ
อ้างอิงข้อมูล: theweek, leafscience, mercola
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.