ตามติดชีวิต Larry Page ผู้ก่อตั้ง Google และสุดยอดมหาเศรษฐีของโลก กว่าจะมาถึงวันนี้…

ถ้าพูดถึง Larry Page ชื่อนี้เพื่อนๆ คงไม่ค่อยคุ้นหูกัน แต่ถ้าพูดถึงผลงานของเขาอย่าง Google แล้ว คงไม่มีใครที่จะไม่รู้กัน และ Larry คนนี้นี่เองที่คือหนึ่งในผู้ที่ร่วมก่อตั้งบริษัทแห่งนี้

แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นหัวเรือใหญ่ของ Google แล้ว (ไปเป็น CEO ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google อีกที!!) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกไปแล้ว

และนี่คือเรื่องราวชีวิตของเขาล่ะ!!

 

Gloria และ Carl Page คือแม่และพ่อของเขา ทั้งคู่เป็นศาสตราจารย์สอนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ Michigan State University

สิ่งที่พวกเขาชอบทำก็คือการซื้อนิตยสารคอมพิวเตอร์มาสุมไว้เต็มบ้าน และนั่นทำให้ Larry สนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ

 

พวกเขาส่ง Larry ไปเรียนที่โรงเรียน Montessori

โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการให้อิสรภาพทางความคิดและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ ซึ่ง Larry ถึงกับออกมาบอกเองเลยว่า การฝึกฝนและทัศนคติจากโรงเรียนแห่งนี้มีผลต่อความสำเร็จในชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก

 

อายุ 12 ปี Larry ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับนักประดิษฐ์ท่านหนึ่ง Nikola Tesla

ตอนจบของเรื่องราวของเขานั้นไม่สวยหรูนัก เพราะว่าเขาเสียชีวิตทั้งๆ ที่จน เป็นหนี้ แถมยังไร้ชื่อเสียงอีกต่างหาก ทำให้ Larry ถึงกับหลั่งน้ำตา ทำให้เขาได้รู้ว่าการเป็นนักประดิษฐ์เพื่อเปลี่ยนโลกนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่ต้องเป็นนักประดิษฐ์ที่คิดค้นนวัตกรรมที่คนจะใช้ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อโลกต่างหาก!!

 

นอกจากการหมกมุ่นอยู่กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ แล้ว Larry ยังชอบเล่นแซ็กโซโฟนอีกด้วย

แถมเขายังให้เครดิตการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัท Google ให้กับการฝึกเล่นดนตรีในวัยเด็กของเขาอีกด้วย

 

ระหว่างเรียน ปริญญาตรี ที่ University of Michigan เขาได้มีความสนใจในด้านยานยนต์เป็นอย่างมาก

ทั้งเข้าร่วมกับทีมพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งทีมงานรถไฟของทางมหาวิทยาลัย และแม้แต่ในปัจจุบันยังสามารถเห็นความสนใจในการพัฒนาด้านยานยนต์ในธุรกิจของเขา

(รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่ Google กำลังพัฒนาอยู่)

 

ปี 1995 หลังจากจบการศึกษาเขาไปเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Stanford ด้วยความหวังที่จะจบปริญญาเอก ด้านคอมพิวเตอร์

ที่นี่เขาได้พบกับ Sergey Brin อีกหนึ่งสหายผู้ร่วมก่อตั้ง Google กับเขา กลางดึกคืนหนึ่ง Larry ในวัย 23 ตื่นขึ้นมากับความคิดในการสร้าง Search Engine ขึ้น เพื่อความสะดวกในการใช้เว็บไซต์ แต่ตัวแรกที่พวกเขาคิดค้นขึ้นไม่ใช่ Google แต่เป็น BackRub

 

ก่อนที่ในปี 1997 พวกเขาจะจดทะเบียนโดเมน Google.com ด้วยเป้าหมายที่จะจำแนกและจัดระเบียบเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายมหาศาล

 

ทั้ง Page และ Brin ต่างเป็นสาวกตัวยงของเทศกาล Burning Man แบรนด์ Google แรกของพวกเขาก็มีสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้อยู่ด้วย

(เป็นการบอกใบ้ด้วยล่ะว่า ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในช่วงนั้น พวกเขาไม่อยู่ช่วยแก้นะเพราะไปร่วมเทศกาลอยู่)

 

ถึงจะเป็น CEO ระดับโลก แต่ Larry ก็ออกมายอมรับว่าเขาไม่ค่อยชอบทำงานร่วมกับคนอื่นเท่าไหร่นัก

เขาชอบที่จะสร้างไอเดีย และมองภาพรวมมากกว่าการบริหาร เขามักจะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองเพราะเชื่อว่าทำได้เร็วกว่า และถ้ามีใครทำส่วนไหนได้ดีกว่าเขา เขาจะไม่เข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายเด็ดขาด

 

Omid Kordestani เพื่อนของ Larry กล่าวถึงลักษณะนิสัยของเขาว่า ‘เขามักจะมองเป้าหมายที่ใหญ่เสมอ ราวกับว่าแผนการณ์ใหญ่ๆ ทั้งหมดในโลกอยู่ในหัวของเขา’

 

Larry เป็น CEO ของ Google จนถึงปี 2001 ก่อนที่จะดึง Eric Schmidt มานั่งกุมบังเหียนแทน

เพราะบริษัทจะได้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และพวกเขาจะได้สนใจในด้านพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น ตัวเลือก CEO มีมากมายในตอนนั้น แต่พวกเขาตัดสินใจจ้าง Eric Schmidt ทันที หลังจากทราบว่าเขาเป็นโปรแกรมเมอร์เก่า แถมยังเป็นสาวก Burning Man เหมือนพวกเขา Larry และ Sergey จึงคิดว่า เขาน่าจะเข้ากับเราได้ดี

 

ซึ่งตอนแรก Larry ก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่จะต้องลงจากตำแหน่ง แต่หลังๆ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาไปสนใจในด้านพัฒนาสิ่งที่เขาสนใจได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

 

ในปี 2007 เขารู้สึกว่าเขามีประชุมมากเกินไป เขาเลยจัดการไล่เลขาของเขาออกซะเลยเพื่อที่จะไม่ต้องมีใครตามไปเข้าประชุม และใครที่อยากคุยกับเขาต้องตามหาตัวเขาเอาเอง

 

Larry ซื้อบริษัท Android ของ Andy Rubin และไม่ยอมบอก Schmidt ผู้เป็น CEO ก่อน จนกระทั่งวันเซ็นสัญญา Schmidt ถึงจะได้รู้…

 

หลังจากให้ Schmidt กุมบังเหียน 10 ปีเต็ม Larry ก็ตัดสินใจกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในปี 2011

 

ในปี 2012 Google คลอดผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายทั้ง Google+, Google Glass, High Speed fiber internet และอีกมากมายหลากหลายโครงการ

 

ก่อนที่ในปี 2015 เขาจะขึ้นไปเป็น CEO ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google อีกที

 

หน้าที่หลักของเขาก็คือการคิดค้น พัฒนา และวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆ และกำหนดเป้าหมายของบริษัท Alphabet ของเขา

 

ตอนนี้เขาคือคนรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับของ Forbes ด้วยทรัพย์สินกว่า 39,000 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1,365,000 ล้านบาท!!

 

เขาคือหนึ่งในคนที่เก็บเรื่องส่วนตัวของเขาดีมาก มีเพียงข่าวคราวการเป็นอัมพาตของกล่องเสียงของเขาในปี 2013 เท่านั้น (คนสืบได้เพราะเขามีเสียงค่อนข้างนุ่มลง)

 

เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใช้เงินฟุ่มเฟือยเท่าไหร่นัก เขาอาศัยอยุ่ในบ้านราคา 7 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 245 ล้านบาทกับภรรยาและลูกๆ แถมยังเป็นบ้านแบบรักษ์ธรรมชาติซะด้วย

 

แต่ของหรูเขาก็มี อย่างเช่นเรือยอร์ชลำโตราคา 45 ล้านเหรียญ (ราวๆ 1,575 ล้านบาท)

 

เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว 6 ลำ ซื้อร่วมกับ Page, Brin และ Schmidt

 

หลายๆ โครงการที่เขาเชื่อถือ (ที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติได้) เขาก็มักจะให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินเสมอ

 

ปี 2006 เขาก่อตั้งองค์กรการกุศล Carl Victor Page Memorial Foundation เพื่อเป็นเกียรติให้กับพ่อของเขาที่เสียชีวิต

ซึ่งตอนนี้มีมูลค่ากว่า 1,370 ล้านเหรียญ (47,950 ล้านบาท)

 

ด้วยการที่ Google เป็นแหล่งเงินมหาศาลของ Alphabet ทำให้ Larry สามารถทำโครงการต่างๆ ตามความฝันของเขาได้อย่างเต็มที่

ในปี 2015 Alphabet ใช้เงินไปกว่า 3,560 ล้านเหรียญ (124,600 ล้านบาท) ไปกับโครงการต่างๆ ทั้งสมาร์ทโฟน บอลลูนอินเตอร์เน็ทที่จะกระจายสัญญาณในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงโครงการต่างๆ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ (Larry ชอบงานด้านนี้)

 

และตอนนี้มีข่าวว่าเขามุ่งความสนใจอย่างเต็มที่ไปกับรถ ‘บิน’ ได้ อยู่!!

Zee.Aero คือหนึ่งในบริษัทที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีนี้ มีข่าวว่า Larry ได้ลงเงินส่วนตัวไปกว่า 100 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 3,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย…

 

และนี่ก็คือเรื่องราวชีวิตสุดน่าอัศจรรย์ของ CEO หนุ่มใหญ่คนนี้ล่ะ!!

 

ที่มา: BusinessInsider

Comments

Leave a Reply