ในทุกๆ ปี ประชากรในประเทศรัสเซียจะเสียชีวิตจากโรคที่มีสาเหจตุมาจากบุหรี่ประมาณ 400,000 คน แต่ภายหลังนั้นตัวเลขของผู้สูบบุหรี่นั้นลดลงจาก 41 % เป็น 31 % เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากรายงานของสำนักข่าว Tass
แต่ถึงอย่างนั้นผู้นำของรัสเซียอย่างประธานาธิบดี Vladimir Putin ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ทำการออกกฎหมายห้ามเด็กที่เกิดหลังปี 2015 เป็นต้นไปทำการซื้อขายบุหรี่ กลายเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายในการห้ามซื้อขายบุหรี่
โดยเขาให้เหตุผลว่าบุหรี่นี้นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอีกด้วย จึงวางแผนนโยบายระยะยาวในการระงับการซื้อขายบุหรี่ออกมา
วัฒนธรรมการสูบบุหรี่ในประเทศรัสเซียนั้นกลายเป็นที่นิยมกันเป็นจำนวนมากตั้งแต่ในช่วงที่ยังรวมเป็นสหภาพโซเวียตอยู่ ซึ่งยาสูบทั้งหลายนั้นถูกนำเข้ามาจากประเทศ คิวบา จอร์เจีย และประเทศทางแถบเอเชียกลาง
หลังจากที่เล็งเห็นปัญหานี้แล้ว ทางด้านประธานาธิบดีและเหล่าที่ปรึกษาก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรที่จะหามาตรการในการลดปัญหาที่เกิดจากบุหรี่นี้ซักที
Nikolai Gerasimenko คณะกรรมการสุขภาพของรัฐสภารัสเซีย ก็ได้ให้ความเห็นกับการออกกฎหมายในครั้งนี้ว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นอุดมการณ์ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง”
แต่ถึงอย่างนั้นบางส่วนก็ยังออกมาเสนอบอกว่าการสั่งห้ามนี้ควรจะมีการถกเกียงกันอย่างจริงจังก่อนที่จะทำการประกาศออกมาใช้เป็นกฎหมายจริงๆ
เมื่อช่วงปี 2015 ที่ผ่านมาทางรัฐสภาของรัสเซียก็เพิ่งจะประกาศแบนการซื้อขายบุหรี่ให้กับผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีไปแล้ว
และข้อเสนอกฎหมายดังกล่าวนั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งในรอบนี้พวกเขามองถึงหนทางที่ยาวไกลออกไป
ซึ่งการแบนการซื้อบุหรี่สำหรับเด็กๆ ในยุคต่อไปนั้นจะทำให้พวกเขาไม่สามารถเรียนรู้หรือรับรู้ถึงความเคยชินจากการสูบบุหรี่ได้เลย
ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 51% ของผู้ชายที่สูบบุหรี่ กลับกันผู้หญิงมีเพียงแค่ 17% เท่านั้น
และหากการร่างกฎหมายผ่าน จะทำให้ปี 2050 ประชากรที่สูบบุหรี่เหล่านั้นจะเสียชีวิตหรือไม่ก็เลิกสูบกันไปหมดแล้ว และคาดว่ายังคงเหลือกลุ่มคนสูบบุหรี่อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังคงหาซื้อบุหรี่ตามร้านทั่วไป
แหม่ ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในระยะยาวได้แบบหักดิบจริงๆ
ที่มา : dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.