เชื่อว่าแทบจะทุกคนล้วนเกลียดการจากลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน มันช่างยากเหลือเกินกับการต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า วันพรุ่งนี้ไม่มีเธออีกแล้ว…
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เกิดเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น มากกว่า 16,000 คน ที่เสียชีวิตและยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมากที่ทุกวันนี้ไม่สามารถค้นพบได้
‘Otsuchi’ ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ประชาชนมากกว่า 10% ในท้องถิ่นหายสาบสูญ และเสียชีวิต
ภาพความสูญเสียที่เกิดขึ้น ณ เมืองแห่งนี้
แต่ทว่า 1 ปีก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ‘Itaru Sasaki’ หนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งได้นำตู้โทรศัพท์สาธารณะมาตั้งไว้ในสวนหลังบ้านของตัวเอง เพียงเพราะเขารู้สึกคิดถึงญาติที่จากไปก่อนหน้านี้
“เพราะความคิดของผมที่มีต่อคนที่จากไป มันไม่สามารถส่งผ่านสายเครือข่ายโทรศัพท์แบบปกติได้ แต่ผมอยากจะส่งทุกความรู้สึกไปให้ถึงผู้ที่จากไปผ่านสายลม โดยมีตู้โทรศัพท์ตู้นี้เป็นสื่อกลาง” Itaru ให้สัมภาษณ์
3 ปีให้หลังจากภัยพิบัติครั้งนั้น ตู้โทรศัพท์แห่งนี้ถูกชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกว่า ‘โทรศัพท์แห่งสายลม’ มีผู้เข้ามาแวะเวียนใช้ตู้โทรศัพท์แห่งนี้มากกว่า 10,000 คน
ซึ่งอันที่จริงแล้วโทรศัพท์ในตู้นี้ไม่ได้มีการต่อสายสัญญาณแต่อย่างใด จะว่าไปแล้วมันก็มีแค่ตู้และโทรศัพท์เก่าๆ นั่นแหละ แต่ชาวเมืองที่นี่เขาเลือกที่จะใช้มันเพื่อโทรหาคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้ว
แม้ว่ามันจะไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทาง หรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ แต่ด้วยเสียงจากสายลมที่พัดผ่านเข้ามา พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้ว ต้องรู้สึกได้ถึงความคิดถึงเป็นแน่แท้
ปัจจุบันตู้โทรศัพท์แห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ รวมถึงรายการทางโทรทัศน์ และสำนักข่าวอีกมากมาย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทราบเป็นอย่างดีจากตู้นี้ก็คือ บางทีการทำใจยอมรับความสูญเสียอาจเป็นเรื่องยาก แต่การได้มีพื้นที่ๆช่วยให้เราได้ระบายความรู้สึกจากห้วงแห่งความคิดถึง ผ่านสายลมไปให้ถึงวิญญาณของคนรัก ก็ช่วยทำให้เรามีความหวัง และนั่นก็เป็นกำลังใจให้ชีวิตของเราต้องก้าวต่อไปนั่นเอง
บางทีคนเราก็ต้องการพื้นที่เล็กๆที่ระบายความอ่อนแอออกมาบ้าง เหมือนกับการร้องไห้ระบายความรู้สึกนั่นแหละเนาะ
ที่มา: travelandleisure
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.