ต้องบอกเลยนะว่า โลกของเราใบนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงาม และน่าตื่นตาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเต็มไปด้วยความลับมากมายที่เราไม่เคยรู้ และเห็นมาก่อน
โดยเฉพาะสถานที่ต้องห้ามจากทั่วโลก ที่เราอาจจะไม่ทราบความจริงเลยสักนิดว่า มันคืออะไรแน่ อีกทั้งยังไม่เคยเห็นภาพ หรือเข้าไปเยี่ยมชมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีโอกาสได้เห็นอยู่บ้าง เพราะเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง “โดรน” สามารถช่วยให้เรามองเห็นสถานที่ที่เราไม่เคยคิดว่าจะไปได้ และนั่นก็อาจจะทำให้เราได้เห็นว่าโลกนี้มีสถานที่ที่ถูกทำลายร้าง และน่ากลัวอยู่ไม่น้อย
1.ซีเรีย
เมื่อ Homs ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของซีเรีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสำคัญของซีเรีย บัดนี้ใกล้กลายเป็นเมืองร้างเข้าไปทุกที เพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่ซากตึกปรักหักพังอยู่เต็มไปหมด
หลังจากที่ได้ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว จากการต่อสู้อันหนักหน่วงระหว่างฝ่ายกองทัพรัฐบาล และฝ่ายกบฏ ส่งผลกระทบพื้นที่ดังกล่าวถูกทำลายไปจนเกือบหมดสิ้น และผู้คนบริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปนับกว่าพันคน
.
2.กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
Trey Ratcliff ช่างภาพชาวอเมริกัน อยากที่จะเรียนรู้ว่าทำไมพระราชวังต้องห้าม (Palace Museum) ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งเป็นพระราชวังอิมพีเรียลของราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง จึงถูกเรียกว่า “The Forbidden City”
ดังนั้น จึงทำให้เขาอยากที่จะบันทึกภาพถ่ายจากมุมสูงของพระราชวังดังกล่าวเอาไว้ แต่ทว่าการใช้โดรนบินผ่านสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลจีนอาจเป็นสิ่งที่ต้องควรระวัง
แต่อย่างน้อย Trey ก็โชคดี ที่สามารถถ่ายภาพทางอากาศได้ก่อนที่เขาจะถูกทางการของจีนจับได้ “การตัดสินใจที่จะถ่ายภาพพระราชวังต้องห้ามของจีน เป็นเหมือนกับ Luke Skywalker ที่ได้ตัดสินใจเดินทางไปยังดาวมรณะ” Trey กล่าว
.
3.เมืองพรีเพียต (Pripyat) ในประเทศยูเครน
ภาพถ่ายของเมืองพรีเพียต (Pripyat) ในประเทศยูเครน ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จากโรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ในปี 1986 และยังเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เมื่อนึกถึงทีไรก็น่ากลัวที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้
เมืองปริปยัต มีระดับการแพร่กระจายของรังสีอยู่ในปริมาณสูงดังนั้น มันจึงอยู่ในสถานะของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง และกลายเป็นที่อยู่ของสุนัขป่า ม้าป่า บีเวอร์ และสัตว์ตัวอื่นๆ
.
4.Kazantyp ในแหลมไครเมีย
The Crimean Atomic Energy Station ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2519 แต่ทว่าหลังจากที่เกิดความไม่แน่นอนทางธรณีวิทยา จึงทำให้โครงการดังกล่าวสิ้นลงสุด และทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้าง
สำหรับ The Crimean Atomic Energy Station เป็นที่ตั้งของเทศกาลเต้นรำมาราธอนแบบดั้งเดิม KaZantip (หรือที่รู้จักในชื่อ “Reaktor”) ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2536 ถึง 2542
.
5.Ōkuma, Fukushima ประเทศญี่ปุ่น
แผ่นดินไหวขนาด 9.0 ที่สั่นไหว ในปี 2554 ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ และคลื่นยักษ์สึนามิที่บดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima Daiichi
นอกจากนี้ ผู้คนกว่า 150,000 คนทั่วประเทศ และอีก 11,515 คนที่อาศัยอยู่ใน Ōkuma ก็ถูกบังคับให้อพยพออกจากบ้านของพวกเขา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิ และนิวเคลียร์ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวก็ทำให้เมือง Ōkuma ได้กลายเป็นเมืองผี และถูกทิ้งร้างไป
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะใช้เวลานานหลายทศวรรษ ที่ผู้คนจะกลับมาอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้อีกครั้ง เนื่องจากมีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ใน 2554 ได้รับการบูรณะเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณรังสีที่มากเกินกว่าจะอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย
.
6. Area 51 ฐานทัพลับ ของกองทัพอากาศสหรัฐ ในเนวาดา
พื้นที่ 51 เป็นชื่อเล่นของฐานทัพทหาร ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ในสหรัฐอเมริกาตะวันตก ทั้งยังเป็นพื้นที่ต้องห้าม ที่แม้แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐ ก็ไม่สามารถเข้ามาได้
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นฐานลับการทหาร ที่ใช้เป็นสถานที่ทดสอบ และพัฒนาเครื่องบินรบแบบใหม่ ดังนั้น จึงต้องมีความเข้มงวดอย่างมาก และนั่นก็ทำให้พื้นที่ 51 ถูกสงสัยว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งก็มีบางคนอ้างว่าเคยพบเห็น UFO ของมนุษย์ต่างดาวจากสถานที่แห่งนี้
และเมื่อ Hans Faulkner ได้เข้ามาถ่ายภาพสถานที่แห่งนี้ในเดือนสิงหาคมปี 2015 โดยใช้โดรน ก็ไม่สามารถจับสัญญาณได้ ซึ่งก็ทำให้ภาพถ่ายจากพื้นที่ 51 หาชมได้ยากมากยิ่งขึ้น
.
7.เดบอลต์เซฟ (Debaltsevo) เมืองในประเทศยูเครน
เมื่อทหารรัสเซีย ได้เข้าปะทะกับชาวไครเมีย ประเทศยูเครน ในปี พ.ศ. 2557 และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังทหารของสหพันธรัฐยูเครน และกองกำลังรัสเซีย
โดยภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงซากปรักหักพังของรถถัง หลังจากที่สิ้นสุดเหตุการณ์ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ซึ่งบริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ Debaltsevo Cauldron
และเมื่อได้กลับมาถ่ายภาพจากสถานที่ดังกล่าวอีกครั้ง ก็ได้ทำให้เห็นว่ายังมีเศษซากของรถถัง และยานพาหนะทางทหารอื่นๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ
.
8.Tar Heel รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาพถ่ายจากโดรน ที่ถูกถ่ายขึ้นโดย Mark Devries ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้เผยให้เห็นถึงความน่ากลัวของฟาร์มสุกร “สมิธฟิลด์ ฟูดส์” (Smithfield Foods Inc.) บริษัทแปรรูปเนื้อหมูใหญ่สุดในโลก
ซึ่งสถานที่ดังกล่าว ตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คนที่อยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา พื้นที่รอบๆ จะเป็นทะเลสาบสีแดงขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยปัสสาวะและอุจจาระจากหมูหลายพันตัว
.
9.หอกระจายพลังงานของเทสลา (Tesla Tower) ประเทศรัสเซีย
หอกระจายพลังงานของเทสลา (Tesla Tower) ประเทศรัสเซีย จากยุคโซเวียต เคยเกิดกระแสไฟฟ้าที่มากเกินจนทำให้เส้นผมของผู้ที่มาสำรวจหายไป ต่อมาทางสหภาพโซเวียตได้ทำการเข้าไปสำรวจ และพบว่าหอกระจายพลังงานแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว
.
10.สปิตส์เบอร์เกน (Spitsbergen) ประเทศนอร์เวย์
สปิตส์เบอร์เกน เป็นเกาะใหญ่ที่สุดและเป็นเกาะเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ในหมู่เกาะสฟาลบาร์ ประเทศนอร์เวย์ อีกทั้งยังมี Svalbard อุโมงค์ที่เป็นแหล่งสำรองเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วทุกมุมโลก (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
โดยอุโมงค์ดังกล่าว จะนำมาใช้ในการกักตุนเมล็ดพันธุ์พืชสำรองเพื่อรับเหตุภัยพิบัติ ที่อาจทำให้มวลมนุษย์ต้องสูญพันธุ์ และที่สำคัญอุโมงค์นี้ยังอยู่ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลนอร์เวย์อีกด้วย
.
เรียกได้ว่าเป็นภาพถ่ายที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นว่าบนโลกใบนี้มีสถานที่ต้องห้าม และลึกลับในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่มากมายเหลือเกิน
แต่อย่างน้อยวันนี้เราก็มีโอกาสได้เห็นภาพสถานที่เหล่านั้นแล้ว ยังไงก็ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโดรน และเหล่าช่างภาพ ที่ได้เข้าไปเก็บภาพถ่ายหาชมยากเหล่านี้ให้คนธรรมดาๆ อย่างเราได้เห็น
ที่ม : boredomtherapy
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.